4 ปีติดต่อกันแล้วนะครับ ที่สมุทรปราการ เอฟซี สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ในนัดเปิดฤดูกาล ทั้งๆ ที่ผลงานในช่วงอุ่นเครื่องของทีมทำเอาแฟนๆ แอบเสียวสันหลังมาตลอด (แข่ง 7 นัด ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ไปถึง 4) แต่ปราการก็คือปราการครับ
เมื่อเสียงกลองรบจากแฟนบอลที่ขนกันไปเชียร์กว่าครึ่งร้อยเริ่มกระแทก กระทั้นปลุกเร้านักเตะด้วยเพลงสโมสร มันเหมือนมีพลังงานอะไรบางอย่าง (คงต้องให้คุณริว จิตสัมผัส มาช่วยตรวจสอบ) ที่ช่วยผลักดัน ช่วยกระตุ้นให้นักเตะในเสื้อฟ้า-ขาวของป้อมปราการเล่นกันชนิดที่ลืมภาพเหยาะ แหยะในวันอุ่นเครื่องไปเสียสนิท
จังหวะต่อบอลแม่นขึ้น จังหวะเล่นเกมรับแน่นขึ้น ความทุ่มเทในการวิ่งไล่บอลมีมากขึ้น อาจเป็นเพราะนี่คือแมตช์การแข่งขันที่จริงจัง ทำให้นักเตะกล้าที่จะเล่น กล้าที่จะบวกในจังหวะสำคัญๆ เลยทำให้ทรงบอลของปราการดูสนุกกว่าช่วงอุ่นเครื่องมากมาย แถมประตูที่ได้ก็ยิงซะงามหยดย้อยจนยอดหญ้าที่สนามน้อมเกล้าฯ ยังต้องโค้งคารวะให้
แฟนบอลไทยโดยเฉพาะคอบอลลีกภูมิภาคยังคงจำกันได้นะครับ ว่าปีที่ผ่านมาชื่อของ "สมุทรปราการ เอฟซี" นั้น ห่างหายจากหน้าหนังสือพิมพ์ไปนานมาก ด้วยผลงานของทีมก็เรื่องนึง ด้วยปัญหายุ่งเหยิงภายในก็เรื่องนึง จนทำให้ป้อมปราการติดหนึ่งในทีมที่มีผลงานน่าใจหายมากที่สุดทีมนึงในลี กภูมิภาค
แต่วันนี้ หลังจากที่เคลียร์ปัญหาใหญ่ๆ ที่บั่นทอนสโมสรออกไปได้ส่วนนึงแล้ว ป้อมปราการป้อมนี้กำลังกลับมาแล้วครับ
"สมุทรปราการ เอฟซี" ทำการล้างระบบของทีมใหม่หมด ไล่ตั้งแต่การลาออกของประธานสโมสร พร้อมกับปล่อยให้กลุ่มแฟนบอล "ฟอร์เทรสเซี่ยน" ขึ้นมาบริหารทีมแทน โดยมีการวางงบประมาณการทำทีมที่น้อยกว่าปีก่อนๆ มาก พร้อมกับดันนโยบายเลือกเน้นไปที่การ "สร้า้ง" นักฟุตบอลขึ้นมาแทนการจ้างในราคาสูง (เพราะปีก่อนปราการจ้างนักฟุตบอลในราคาสูงแล้วทีมไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้ตัวเลขของสโมสรติดลบ จมกับหนี้จนต้องผ่าทีมใหม่)
พร้อมกันนั้น ป้อมปราการยังแต่งตั้ง "พงษ์ศิริ ยะกัณฐะ" กัปตันทีมคู่บุญของสโมสรขึ้นมาเป็น "เฮดโค้ช" แบบเต็มตัวในปีนี้ ทั้งยังมีการจัดแมตช์เกียรติยศให้กับตำนานของทีมไปแล้วด้วย (1 สัปดาห์ก่อนลีกเปิดฤดูกาล)
นี่คือการแก้ปํญหาของทีมที่ผมมองว่า "ถูกจุด" อย่างยิ่งครับ
โค้ชเป็ดคลุกคลีกับป้อมปราการมานาน อีกทั้งเคยผ่านการเป็นลูกทีมของโค้ชชื่อดังหลายคนไม่ว่าจะเป็น "วันชัย แหยมสลำ", "โจเซ่ คาร์ลอส แฟร์เรร่า", "โค้ชเบนซ์: วรเดช ภูประไพ" หรือแม้แต่ "น้าเหม่ง: ประพล พงษ์พานิช" (ผู้ล่วงลับ) ก็คือหนึงใน "อาจารย์" ของโค้ชเป็ดด้วย
เรื่องบารมี, ความรู้ และความเป็นผู้นำ ผมว่าโค้ชหนุ่มคนนี้ไม่มีปัญหา ที่เหลือคือ "ประสบการณ์" และ "การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า" เท่านั้นครับ ที่จะเป็นตัวทดสอบ "ศักยภาพ" ของโค้ชเป็ดคนนี้
แต่ถึงอย่างไรการดึงเอา "ตำนาน" ของทีมมาเป็นโค้ช ย่อมสร้างความหวังและความกระชุ่มกระชวยให้กับแฟนบอลอยู่แล้วครับ
ขณะที่ในส่วนทีม ป้อมปราการลดอายุค่าเฉลี่ยผู้เล่นลงมาเหลือประมาณ 23 ปีเท่านั้นเองครับสำหรับการสู้ศึกในปีนี้ ผู้เล่นหลายต่อหลายคนที่เป็นตัวเยาวชนจากทีมในระดับไทยลีกต่างลงมาคัดตัวและ กลายเป็นหนึ่งในขุนพลฟ้าขาวของปราการ อาทิ "น้องเบน: ทยาธร แสงธรรมกิจกุล" กองหลังตัวแกร่งดีกรีแชมป์เอฟเอ ยูธคัพ กับบีอีซี เทโร ศาสน, "น้องเจมส์: อดิศักดิ์ คิชเวช" จากเยาวชนการท่าเรือไทย, "น้องเชน: พงษ์ศิริ เคนมี" จากเยาวชนของศรีราชา เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีการดึงนักฟุตซอลหูหนวกทีมชาติไทยมาร่วมทีมด้วยอีกถึง 2 คน ซึ่งนับเป็นทีมแรกในลีกภูมิภาคเลยนะครับที่ให้โอกาสแข้งพิการได้ลงเล่น ฟุตบอลอาชีพ (อาจจะเป็นทีมแรกในไทยด้วยซ้ำ) ส่วนนักเตะที่เหลือก็มาจากการคัดตัว โดยส่วนใหญ่เป็นเด็กสมุทรปราการแทบทั้งสิ้น บางคนไม่เคยเล่นฟุตบอลอาชีพมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
แนวทางการบริหารทีมโดยมีแฟนบอลเป็นหนึ่งในผู้บริหารของป้อมปราการปีนี้ ผมมองว่าเป็นสัญญาณถึงการเจริญเติบโตอีกก้าวของฟุตบอลอาชีพในประเทศไทยนะ ครับ เพราะสิ่งหนึ่งที่ทำให้ป้อมปราการทีมที่ใกล้จะล้ม ใกล้จะยุบทีมมาหลายต่อหลายครั้ง ยังอุตส่าห์ทนแดด ทนฝนยืนมาได้เป็นปีที่ 4 แล้ว ก็คือ "พลังของแฟนบอล" ล้วนๆ (คล้ายกับเอเอฟซี วิมเบิลดัน นั่นแหละครับ)
ถึงเงินจะน้อย แต่อย่างน้อยๆ ปราการยังขอยืนหยัดสู้ต่อถึงแม้จะต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่ทั้งหมดก็ตาม (ความยิ่งใหญ่ของปราการล่มสลายตั้งแต่การจากไปของป๋าแหยมนั่นแหละครับ)
การถอยหลังหนึ่งก้าว เพื่อก้าวเดินต่อไปแบบมั่นคงครั้งนี้ของป้อมปราการ น่าจะทำให้ "ศรัทธา" ของแฟนบอลที่หลบไปเลียแผลใจจากความวุ่นวายในปีที่ผ่านๆ มา เริ่มกลับมาทวงศรัทธาของตัวเองกันได้อีกครั้งนึง
และหากป้อมปราการป้อมนี้ที่เคยเลื่องชื่อ กลับมาผงาดในยุทธจักรลูกหนังเมืองไทยได้อีกครั้ง ผมว่าทีมอื่นๆ ที่ทุ่มเงินจนฟองสบู่แตก จะเริ่มหันกลับมาใช้โมเดล "บูทรูม สตาฟฟ์" แบบป้อมปราการบ้างก็ได้นะครับ
เพราะยังไง "การสร้าง" ก็เสียหายน้อยกว่า "การทุ่มซื้อ" แน่นอน ถึงแม้จะไม่ประสบความสำเร็จในเร็ววัน แต่การันตี "ความภาคภูมิใจ" ในสิ่งที่เราปลุกปั้นมาเองร้อยเปอร์เซนต์ครับผม.เป็นบทความที่ไปเจอมาจากเว็บนี้อะครับ http://extitude.exteen.com/ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเขียน เห็นเขียนดีเลยเอามาฝาก
ถ้าเป็นใครในบอร์ดนี้ ช่วยแสดงตัวหน่อยครับ เขียนดี อยากรู้จัก ฮี่ๆ