ขออย่าให้ได้เกิดกับเราเลยนะครับ
REF http://www.thailandsusu.com/webboard/index.php?topic=84645.msg1247932;topicseen#new
D2 กรณีศึกษาร้อยเอ็ด เมื่อเจ้าของสนามกับคนทำทีมเป็นคนละคน มีสิทธิ์ชวดแข่งขัน
« เมื่อ: ธันวาคม 30, 2009, 08:25:22 AM »
--------------------------------------------------------------------------------
กรณีต่างๆอาจจะเป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจ
"การเมืองของฟุตบอล" มากขึ้นนะครับ
ประมวลมาจากกระทู้นี้ครับ
ร้อยเอ็ดเอฟซีอาจชวดร่วมศึกดิวิชั่น2!!!
http://www.thailandsusu.com/webboard/index.php?topic=84645.msg1247932;topicseen#new
ศึก2009 จบไปท่ามกลางการเอาตัวรอดจนจบฤดูกาลได้อย่างเลือดนักสู้ของทีมงานร้อยเอ็ดเอฟซี เป็นอันบรรลุในการสู้กับศึกนอก
แต่ ฤดูกาล2010ที่กำลังจะมาถึงเริ่มไม่แน่นอนเสียแล้วกับร้อยเอ็ดเอฟซีที่ต้องมา เจอศึกในอย่างกลุ่มทำทีมฟุตบอลในเมืองที่อกหักจากการส่งทีมร้อยเอ็ดยูไนเต็ด เข้าประกวด เมื่อมีแนวโน้มว่าจะไม่อนุญาตให้ใช้สนามของ อบจ.ร้อยเอ็ด (ซึ่งรับโอนมาจาก กกท.) ซึ่งสมาคมฟุตบอลโดยท่านประธานฯ วิมลฯ คนเก่ง ต้องการหนังสือยืนยันการอนุญาตให้ใช้สนามจากอบจ.ร้อยเอ็ด ก่อนเข้าทำการตรวจความพร้อมในวันที่ 4 มค. 52 นี้ ที่จ.ร้อยเอ็ด ความเคลื่อนไหวในวงการฟุตบอลร้อยเอ็ด โปรดติดตามตอนต่อไปอย่างใกล้ชิด..
..............
ถ้าปัญหามันเยอะขนาดนั้นก้อ ใช้สนามอื่นสิครับ เพื่อให้ส่งทีมแข่งได้ก่อนแล้วเรื่องสนามก้อหางบเพื่อจะสร้างใหม่ครับ
อย่าง สนามโรงเรียนสตรีศึกษา โรงเรียนขัติยะวงศา ก้อไม่ขี้เหร่นะครับดีไม่ดีพื้นที่สนามดีกว่าสนามกีฬากลางซะอีก อีกอย่างสนามของโรงเรียนขัติยะวงศา ก้อสามารถเพิ่มเติมอัฒจรรย์ได้ครับ พอมีงบสร้างสนามเองเลยครับ พื้นที่แถวหลังโรงเรียนกีฬา ก้อสามารถสร้างได้(ถ้ามีงบซื้อที่และสร้างครับ)
เป็นกำลังใจให้ครับ เพราะอยากเห็นทีมบอลของร้อยเอ็ดพัฒนาเป็นรูปเป็นร่างซักทีครับ
..............
ล่าสุดท่านวิมลฯ ยื่นประกาศิต "ต้องใช้สนามกีฬากลางของอบจ.เท่านั้น!!"
สำหรับฤดูกาลนี้คงหมดสิทธิ์ลงเล่นแล้วหละครับ...
..............
ไม่มีสนามเหย้า ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันครับ. เราได้พยายามขอใช้สนามโรงเรียนสุวรรณภูมิวิทยาลัยแล้ว แต่ประธานวิมลฯ ไม่ยอมครับ.
..............
สนามกีฬาจังหวัดร้อยเอ็ด เดิมเป็นของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) แต่เมื่อนโยบายการโอนถ่ายภาระกิจ ทรัพย์สินต่างๆ จากส่วนกลางให้ท้องถิ่น เกิดขึ้น กกท. จึงโอนสนามกีฬากลางจังหวัดร้อยเอ็ด ให้อยู่ในความรับผิดชอบของ อบจ.ร้อยเอ็ด ฟุตบอลอาชีพลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 ฤดูกาล 2009 สโมสรฟุตบอลจังหวัดร้อยเอ็ด (ร้อยเอ็ดเอฟซี) ได้ขออนุญาตจาก อบจ.ร้อยเอ็ด เพื่อใข้เป็นสนามเหย้าในการแข่งขัน และอบจ.ร้อยเอ็ด ก็ให้ความอนุเคราะห์ด้วยดี โดยให้ใช้สนามจนจบฤดูกาล รวมทั้งสิ้น 10 นัด (เนื่องจากนัดสุดท้าย นัดที่ 11 อุบล ยูไนเต็ดถอนทีม) แต่ก่อนเริ่มฤดูกาล 2010 จะเริ่มขึ้น กระแสฟุตบอลอาชีพของประเทศไทยอยู่ในช่วงขาขึ้นสุดๆ รวมทั้งรัฐบาลปชป. มีนโยบายสนับสนุนทีมละ 1,000,000 บาท ทำให้หลายคนอยากเข้ามาทำทีม (ฤดุกาล2009 สนับสนุน 100,000 บาท)
ในช่วงเริ่มแรกมีผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัดร้อยเอ็ดขอเข้ามาทำทีม ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง ในการอยากทำทีม ทางทีมงานร้อยเอ็ดเอฟซี จึงได้มีมติให้ผู้ใหญ่ท่านนั้นไปทำทีม แต่เนื่องจากเหตุผลกลไกต่างๆ ในการดำเนินงานผู้ใหญ่ท่านนั้นจึงอยากขอกิจการสโมสรทั้งหมดเอง ก็เลยทำให้ทีมงานชุดเก่าไม่สามารถตกลงได้ จึงทำให้มีการแยกกันทำทีม โดยผู้ใหญ่ท่านนั้นไปสร้างทีมงาน ร้อยเอ็ดยูไนเต็ด เพื่อส่งเข้าร่วมการแข่งขันกับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ แต่เนื่องจากนโยบาย 1 จังหวัด 1 ทีม 1 ลีก ทำให้สมาคมฯ ไม่รับพิจารณา ทีมงานร้อยเอ็ดยูไนเต็ด ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับผู้ใหญ่เจ้าของสนามกีฬากลางฯ จึงทำการล๊อบบี้ไม่ยอมให้ร้อยเอ็ดเอฟซีใช่้สนาม อันจะเป็นผลให้ คณะกรรมการการตรวจความพร้อมของสมาคมฟุตบอลฯ พิจารณาให้ร้อยเอ็ดเอฟซีไม่ผ่านเกณฑ์ ได้ ข้อมูลล่าสุดร้อยเอ็ดเอฟซี อาจถูกตัดสิทธิ์ ไม่ให้เข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้ในปีนี้ค่อนข้างจะแน่นอนแล้ว....
..............
นี้คือเหตุผลว่า ทำไมต้อง 1 จังหวัด 1 สโมสรฟุตบอล หากให้ทุกทีมในจังหวัดส่งแข่งลีกภูมิภาคได้หมด มันคงไม่ต่างกับลีกภูมิภาคโซนกรุงเทพและปริมณฑล ที่ต้องไปขอใช้สนามของหน่วยราชการหรือสถานศึกษามาเป็นสนามเหย้า ซึ่งเป็นปัญหามาตลอด จนสมาคมฟุตบอลพยายามผลักดันให้ทีมสโมสรฟุตบอลโซนกรุงเทพไปซบกับต่างจังหวัด เพราะเรื่องสนามเหย้านี้เอง ครับ แต่ละจังหวัดมีสนามกีฬากลางเพียงแห่งเดียว บางจังหวัดไม่มีการบำรุงรักษา ทำให้สนามขาดมาตรฐานอีกต่างหากเรื่องสนามเหย้าเป็นสิ่งสำคัญอันดับ 1 ของการทำทีมฟุตบอลอาชีพครับ เพราะสนามเหย้าเปรียบเหมือนร้านค้าที่คอยเสนอสินค้าให้กับลูกค้า ดังนั้นสนามเหย้าจะต้องได้มาตรฐานและเก็บค่าผ่านประตูได้ ที่บอกกันว่า ให้ทำสัญญาเช่า ให้สร้างขึ้นมาเอง เมื่อสโมสรยังมองไม่เห็นกำไร คงไม่มีใครกล้าลงทุนสร้างสนามเป็นล้านๆ บาทหรอกครับ
สำหรับปัญหา เรื่องการมีหลายขั้วในจังหวัด มันเป็นกันทุกจังหวัด ดังนั้น กกท. จังหวัดจึงได้ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นคนลงนามว่าจะส่งทีมใหนเข้าแข่ง ขันฟุตบอลลีกภูมิภาค หากผู้ว่าฯ ยังเจรจาไม่ได้ คงปกครองกันไม่ได้แล้วครับ ภายในจังหวัด