น.อ.สมพร พัชรมุกดากรณ์ รองประธานคณะกรรมการฝ่ายผู้ตัดสิน สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า ได้รับโทรศัพท์ลึกลับสายหนึ่งเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคม โดยคนโทร.เข้ามาบอกว่าขอให้คณะกรรมการฝ่ายผู้ตัดสินฯ อย่าจัดนายชัยยะ มหาปราบ ผู้ตัดสินฟีฟ่าของไทย ระดับอีลิท (ยอดเยี่ยม) ของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ไปปฏิบัติหน้าที่ในฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกในการแข่งขันนัดใดก็ตามที่จังหวัดชลบุรี เพราะมีแฟนบอลส่วนหนึ่งไม่พอใจการปฏิบัติหน้าที่ของชัยยะที่ผ่านมา ทำให้การเดินทางไปยังจังหวัดชลบุรีของนายชัยยะอาจจะไม่ปลอดภัย โดยตนได้พยายามสอบถามกลับไปยังต้นสายว่าเป็นใคร แต่ผู้ที่โทร.มาก็วางสายไปทันที
น.อ.สมพรกล่าวต่อว่า จากโทรศัพท์ดังกล่าวส่งผลให้คณะกรรมการต้องทบทวนว่า จะส่งนายชัยยะไปตัดสินในเกมที่จังหวัดชลบุรีหรือไม่ เพราะยังเหลือการแข่งขันอีกหลายนัดที่จังหวัดชลบุรี อย่างไรก็ดี อยากให้กองเชียร์เข้าใจว่าผู้ตัดสินมีโอกาสทำผิดพลาดกันได้ และคณะกรรมการก็มีบทลงโทษกำหนดไว้อยู่แล้ว อาทิ การห้ามปฏิบัติหน้าที่
นาชัยยะกล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่เคยได้รับโทรศัพท์ขู่และยังไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน อย่างไรก็ดี ทราบว่า มีแฟนบอลส่วนหนึ่งกล่าวหาว่า ตนตัดสินเข้าข้างทีมเมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด แต่หากดูสถิติให้ดีแล้ว ตนลงตัดสินนัดที่เมืองทองฯแข่งขันตลอดฤดูกาล 4-5 นัด ทีมเมืองทองฯแพ้ไป 2-3 เกม ทั้งนี้ ยอมรับว่าคงหลีกเลี่ยงลงทำหน้าที่ในเกมใหญ่ที่มีการเดิมพันสูงไม่พ้น และคงต้องโดนวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา แต่ตนก็ตั้งใจอย่างเต็มที่ทุกครั้ง เพื่อผดุงความยุติธรรมในสนามให้ได้อย่างดีที่สุด และอยากวิงวอนให้แฟนบอลเข้าใจว่า สมาคมมีบทลงโทษผู้ตัดสินที่ปฏิบัติหน้าที่ผิดพลาดอยู่แล้ว
กกท.เบรกลีกภูมิภาคได้120ล้าน
นายพีระ ฟองดาวิรัตน์ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ เปิดเผยว่า กกท.ได้จัดสรรงบประมาณประจำปี 2553 สนับสนุนสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ นำไปบริหารจัดการทั้งระบบรวม 90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20 ล้านบาท ขณะเดียวกันตามที่การประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมพัฒนาและประเมินผลการจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 มีการรายงานว่า ปีหน้าฟุตบอลลีกภูมิภาคจะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลรวม 120 ล้านบาทนั้น เป็นความสับสนของคณะกรรมการ เนื่องจากงบประมาณจำนวน 100 ล้านบาท ที่จะขอรับสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาตินั้น ยังไม่ผ่านมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุน ซึ่งยังไม่แน่ว่าที่ประชุมมีความเห็นอย่างไร
ที่มา
http://www.thailandsusu.com/webboard/index.php?topic=67182.msg927825;topicseen#new