นัดที่ 12 เด็กริมทางข้างถนน สมุทรปราการ เอฟซี ป้อมปราการ ออกไปเยือนเมืองผู้ลากมากดีที่เยินที่ยอที่ยกตัวกันไปเอง เมืองที่บอกว่าตนเองจิตใจสูง ที่ภายในจิตใจนั้นเล่า กลับเครียดแค้นชิงชัย โตโยต้า ลีกคัพ
2011 ที่มังกรแห่งลุ่มน้ำแม่กลอง หรือ ราชันมังกร หรือ ฯลฯ ตามแต่ที่จะคิดสรรค์ปันแด่งกันขึ้นมา เกมจบ กลับไม่ยอมจบ ก็ไหนบอกว่าไม่เน้น ไม่หวัง กับ ฟุตบอลถ้วยรายการนี้ กลับผูกใจเจ็บจองล่าพยาบาท
นักกีฬาหมายเลข 23 ของปราการ เอฟซี ต่างพากันสุมเชื้อไฟเพลิงโมหะจ้องเล่นงานนักเตะปราการผู้นี้ นี่นะหรือ น้ำใจนักกีฬา เหล่านี้นะหรือ กองเชียร์มืออาชีพ อันดับที่ก็สูงส่ง แต่ไฉนเล่าจิตใจแสนบาดาลใต้ดิน
ไม่มีความสง่างามในตนที่อุตส่าห์เลือกใช้มังกรมาเป็นสัญลักษณ์แทนตัวกันเลย สุดท้ายด้วยความอาฆาตของมังกรก็พลันเป็นได้เพียงแค่งูดินเท่านั้นหรือ
อยากทำอะไรกับกองเชียร์ป้อมปราการในการจัดสรรที่นั่งก็เชิญแบบฉุกละหุกกระทันหันทันด่วนลุกลี้ลุกลน จะให้พวกเรานั่งตรงอัฒจันทร์กระถางคบเพลิง หรือ ตรงบริเวณโค้งไกล ๆ ก็ตาม ถ้าท่านคิดว่ามันเป็นสิทธิ
ของท่านในฐานะเจ้าบ้าน เชิญตามสบาย ครั้นถึงเวลาที่ท่านต้องย้อนกลับมาเยือนสมุทรปราการ เอฟซี ในเลก 2 บ้าง อย่ามาร้องไห้กระจองงอแงเหมือนเด็กทารกเรียกร้องจะเอานู้นเอานี้นะ ไม่ต้องมาอ้างถึงปริมาณ
จำนวนมากมายมหาศาลของกองเชียร์พวกท่านที่บอกว่าเป็นผู้ดีแปดสาแหรกยกตัวเองที่จะยกโขยงมากันกี่ 20 - 30 คันรถบัสก็ตาม แต่สิทธิในการขายบัตรให้ที่นั่งทีมเยือน มันก็เป็นสิทธิของเด็กข้างถนนทีมปราการ
เอฟซี ในฐานะเจ้าบ้านนะเออ จะมาอ้างสิทธิเหมาบัตรทั้งหมดในสนามเหมือนที่ไปสนามทีมอื่น ๆ คงใช้ไม่ได้กับทีมเด็กข้างถนนอย่างป้อมปราการ
ฟุตบอล มันคือเกม มันคือกีฬา แทนที่จะช่วยกันสร้างมิตรภาพ บรรดากองเชียร์ตัวดีทั้งหลายกลับมายุยงส่งเสริมด้านมืดกันซะเอง เก่ง ๆ กันทั้งนั้น บางทีพวกนักเตะทั้ง 2 ทีม ซึ่งส่วนใหญ่มันจะรู้จักมักคุ้นกันดี อาจ
จะขอโทษขอโพยกันก็จบแล้วหลังเกมการแข่งขัน แต่บรรดากองเชียร์ผู้ดีกลับมายุยงปลุกปั่นเสี้ยมอารมณ์ให้มันคุกรุ่น กองเชียร์และนักเตะปราการ เอฟซี ไม่มีกลัวอยู่แล้ว แล้วจะรู้ว่าภายใต้ความกดดันมหาศาลพวก
เราจะมีพลังพิเศษเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่าพันทวี ทีมราชบุรี เอฟซี "แพ้ครั้งแรกนอกบ้าน" ต่อทีมสมุทรปราการ เอฟซี มาแล้วเมื่อวันพุธที่ 18 พ.ค. 2554 หากว่ากองเชียร์ผู้ดี กองเชียร์มืออาชีพ และ ทีมราชบุรี เอฟซี ต้อง
"แพ้ครั้งแรกในบ้าน" ต่อทีมสมุทรปราการ เอฟซี อีกครั้งในวันเสาร์ที่ 21 พ.ค. 2554 บรรดาท่าน ๆ จะรับกันได้หรือเปล่า จะ "แพ้เป็น" จะยอมรับ "ความพ่ายแพ้" ซ้ำสองกันได้หรือไม่ เด็กข้างถนนไม่อยากจะ
คิดแทนผู้ดี
ขอบ่นบ้างด้วยไม่ได้เดินทางไปเชียร์ให้กำลังใจนักเตะเรากับเพื่อน ๆ กองเชียร์ป้อมปราการ ด้วยติดภารกิจสำคัญและจำเป็นหลายประการ บ่นมาก ๆ ต้องหาเพลงมาฟังให้สบายใจขึ้นมาบ้างหาไปหามาก็มาลงที่เพลง
"อาตี๋ ... สักมังกร" ของอาจารย์เพลิน พรหมแดน ชื่อจริง สมส่วน พรหมสว่าง ที่ได้รับฉายาว่า "ราชาเพลงพูด" ศิลปินที่มากมายด้วยอารมณ์ขันในเพลงต่าง ๆ จนสร้างเสียงหัวเราะ เสียงฮา ให้กับแฟนเพลงที่ได้ฟัง
เนื้อเพลงพูดถึง อาตี๋คนหนึ่งที่ไปหาช่างสักลายบนตัว แรกเริ่มอาตี๋ต้องการสักลายมังกรเจ็ดหัว ตัวใหญ่ ๆ หางยาว ๆ มีหนวดมีเขา มีเท้ามีนิ้วมีเล็บ และ คาบแก้วด้วย พอสักไปสักมาสัก 4 ดอก 5 เข็ม อาตี๋โอดครวญว่า
ขอลดมังกรเหลือแค่หัวเดียว ไม่ต้องคาบแก้ว ไม่ต้องมีเท้า ไม่มีนิ้ว ไม่มีเล็บ ไม่เอาเกล็ด สุดท้ายช่างสักก็บอกว่า "ลงอีแบบนี้ ต่อไปอาตี๋ลื้อก็คงไม่เอาหนวด ไม่เอาเขา ไม่เอาเขี้ยว มังกรถ้าไม่กลายเป็นงูเขียว
อย่างดีมันก็เป็นแค่งูดิน หรือไม่ก็ปลาไหล" ในสังคมไทย เรายังมีคนประเภท "อาตี๋สักมังกร" ในทุกวงการ อยากเป็นโน่นเป็นนี่ แต่ไม่ยอมลงแรงทำงานหนัก ใช้แต่เงินหนา เพราะคิดว่าเงินซื้อได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
เงินซื้อความสำเร็จได้ แต่ไม่มีทาง และ ไม่มีวันที่เงินจะซื้อศรัทธาได้
สมุทรปราการ เอฟซี และ ป้อมปราการ แม้จะมีเงินน้อยนิดตามประสาเด็กข้างถนนไม่เหมือนผู้ลากมากดี ผู้ดีแปดสาแหรก แต่เด็กข้างถนนทีมนี้ทรหดอดทนไม่เคยถอยแม้เพียงก้าวเดียว ทุกชีวิตของหัวใจป้อมปราการ
สู้สุดชีวิต และ สู้สุดหัวใจ ตั้งแต่วินาทีแรกจนกระทั่งหมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที เพื่อความภาคภูมิใจในชัยชนะที่ "สร้าง" กันขึ้นมาเอง โดยิมต้องไปจ้างให้ใครมา "สัก" ให้ดูยิ่งใหญ่เป็นนักเลงให้คนอื่นเกรง
กลัว หรือ ต้องการให้คนอื่นเฮฮา ขบขัน หัวเราะงอหายแบบท้องคัดท้องแข็ง เหมือนดังกับเนื้อเพลง "อาตี๋สักมังกร" เริ่มต้นเป็นมังกร ที่ไม่มีทางทะยานผงาดฟ้าได้แต่อย่างใด ลงท้ายจุดจบเป็นได้เพียง
งูดิน หรือ ไส้เดือนดินมุดหงุดอยู่ใต้ดินเท่านั้น