ลงทางด่วนตรงยมราช ข้ามรางรถไฟมุ่งหน้าใช้ถนนหลานหลวง ผ่านตลาดมหานาค ตรงไปเลี้ยวขวาตัดแยกจักรพรรดิพงษ์ อาจ
จะงง ๆ ว่าแยกนี้อยู่ที่ไหนกันหนอ ถ้าบอกว่าเป็น "แยกกล้วยแขก" คนขับรถบางท่านอาจจะเริ่มร้อง อ๋อ ขึ้นมาทันที เพราะที่
แห่งนี้ถือว่าเป็นแหล่งขายกล้วยแขก ที่พนักงานขายริการเดลิเวอร์รี่ส่งสินค้ากล้วยแขกให้ถึงที่รถ โดยลูกค้า หรือ ผู้ซื้อ ไม่ต้องก้าว
ลงจากตัวรถให้ยุ่งยาก ขณะจอดติดสัญญาณไฟแดง แม้ว่าการค้าขายริมถนนแบบนี้ดูแล้วจะไม่ถูกต้องตามกฎระเบียบเท่าไรนัก
กล้วยแขก สันนิษฐานว่าคงเป็นอาหารว่าง หรือ อาหารกินเล่น ที่ชาวไทยมุสลิมภาคใต้เอาจำปาดะทอด หมายถึง ขนุนพันธุ์หนึ่ง
ของภาคใต้ เนื้ออิ่ม กลิ่นหอมฉุน ผสมถั่วและงา ต่อมาคนไทยภาคกลางนำประยุกต์ โดยใช้กล้วยน้ำหว้าที่ยังดิบ ๆ ห่าม ๆ มาชุบ
แป้งข้าวจ้าว โดยมีส่วนผลมและสูตรต่างกันไป แล้วนำไปทอดลงในกระทะ จึงเรียกติดปากกันต่อมาว่า กล้วยทอด
วลี คำคล้อง ที่ว่า "พระเจ้าช่วย กล้วยทอด" บ้างก็ตั้งข้อสังเกตุว่ามาจาก ภาษาพาไป เป็น คำสัมผัสระหว่าง ช่วย กับ กล้วย
หรือ มาจากคำอุทานของชาวสีม่วงทั้งหลาย ที่มักบัญญัติคำขึ้นมาใหม่ ๆ ให้โดนใจอยู่เสมอ ๆ บ้างก็ว่าเป็นเพราะฝรั่งนักท่องเที่ยว
ได้ลิ้มลองรถชาติแล้ว ดื่มด่ำกับความอร่อขของกล้วยทอดที่เนื้อแน่น แต่นุ่ม อร่อยกว่ามันฝรั่งที่ฝรั่งเคยกินอยู่ ฝรั่งคนนั้นจึงตะโกน
คำอุทานออกมาว่า "God Help, Banana Fried" พนักงานขายกล้วยทอดที่พอเข้าใจภาษาอังกฤษบ้างจึงแปลคำอุทานของ
ฝรั่งให้เพื่อนพนักงานขายด้วยกันฟังว่า "พระเจ้าช่วย กล้วยทอด"
บัดนี้แหล่งค้ากล้วยทอดได้ขยับขยายกระจายวงออกไปจากแยกจักรพรรดิพงษ์หลามไหลไปถึงแยกนางเลิ้งแล้ว ตลาดนางเลิ้ง
เป็นตลาดบกแห่งแรกของประเทศไทยเริ่มเปิดใช้เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2443 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่
5 แห่งราชวงศ์จักรี ที่เริ่มเข้ามาทดแทนตลาดน้ำแต่เดิมมา ซึ่งแต่เดิมนี้ก็เรียกว่า "อีเลิ้ง" ซึ่งหมายถึง ตุ่มอีเลิ้ง หรือ โอ่ง
อีเลิ้ง เป็นชื่อตุ่ม เป็นตุ่มขนาดเล็ก เอาไว้ใส่น้ำยา (กินขนมจีน) ต่างจากตุ่มสามโคก ที่จะเป็นตุ่มขนาดใหญ่ ปากโอ่ง กับ
ก้นโอ่ง เท่ากัน ป่องกลาง หรือ ตรงกลางขยายออก เอาไว้เก็บน้ำไว้ใช้กันที่พี่น้องชาวรามัญหรือชาวมอญจะพายเรือบรรทุกเครื่อง
ปั้นดินเผารวมทั้งตุ่มภาชนะ ต่างนำมาขายที่ปากคลองโอ่งอ่างตรงที่เรียกกันว่าตลาดอีเลิ้งก่อนที่ในสมัยจอมพล ป. พิบูล สงคราม
ชื่อเดิม แปลก ขีตตะสังคะ (14 ก.ค. 2440 - 11 มิ.ย. 2507) นายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของไทย ได้มีการปลุกระดมให้คนไทย
รู้จักรักชาติว่าด้วย "รัฐนิยม" พิจารณาเปลี่ยนคำว่า "อีเลิ้ง" เป็น "นางเลิ้ง" เพื่อความสุภาพ ทำให้มีชื่อบ้าน นามเมือง อีก
หลายแห่งที่สูญไปเพราะความไม่รู้ของคนมีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงนั้น ถือว่าโชคดีที่ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ไม่ได้มีอายุ
ยืนยาวมาถึงปัจจุบันนี้ มิฉะนั้นแล้วคำว่า อีเมล์ ต้องเปลี่ยนเป็น นางเมล์, อีบุ๊ค ต้องเปลี่ยนเป็น นางบุ๊ค, อีเบย์ ต้องเปลี่ยน
นางเบย์ แน่ ๆ เลย
กล้วยทอดแถว ๆ นั้น ส่วนใหญ่จะบรรจุในถุงกล้วยทอดที่เป็นพลาสติก พิมพ์ระบุชื่อร้าน เบอร์โทร. ติดต่อ พร้อมสินค้าไซด์ไลน์
อื่น ๆ อีก เช่น เผือกทอด มันทอด ข้าวเม่าทอด ฯลฯ ส่วนพนักงานขายที่เดินเร่ขายไปบนท้องถนนก็มักจะใส่เสื้อเอี๊ยมสีต่าง
กันตามแต่ทางร้านจะเลือกใช้ยังไม่เห็นร้านไหนที่จะเลือกสีร้านซ้ำกัน แต่ที่มักจะคล้ายกัน คือ ชื่อร้าน เพราะมีทั้ง ร้านแม่กิมลั้ง
ร้านแม่กิมยุ้ย ร้านแม่กิมนุ้ย บ้างก็บอกว่า เดิมเป็นพี่น้องครอบครัวเดียวกันแต่ตอนหลังเกิดขัดแย้งกันในบางเรื่อง จึงแยกตัวออก
มาแบบว่า ต่างคนต่างทำแต่ร้านอยู่ติดกัน ร้านหนึ่งมีป้ายบอกว่ากล้วยทอดร้านเก่า อีกร้านก็มีป้ายบอกว่ากล้วยทอดร้านเก่ากว่า
จึงสรุปไม่ได้ว่า ร้านกล้วยทอด ร้านไหนเก่าที่สุด แต่ถ้าเป็นร้านไหนกล้วยทอดอร่อยที่สุดลูกค้าต้องไปซื้อกล้วยทอดแต่ละร้าน
มากินและพิจารณาตัดสินเอาเองหละกัน
"พระเจ้าช่วย กล้วยทอด" เท่านั้นหรือ จะไม่มี "พระเจ้าช่วย สมุทรปราการ" บ้างหรือไร หรือว่า พระเจ้าก็คงสับสนอยู่
เหมือนกันว่าระหว่างสมุทรปราการ เอฟซี กับ สมุทรปราการ ยูไนเต็ด ทำไมชื่อทีมถึงคล้ายกันจัง เหมือนร้านกล้วยทอด ร้านแม่
กิมลั้ง ร้านแม่กิมยุ้ย ร้านแม่กิมนุ้ย ไม่มีใครกล้าที่จะแตกต่างในความเป็นตัวของตัวเองหรอกหรือ ตราสัญลักษณ์ก็คล้ายใกล้
เคียงกันอีก ประเดี๋ยวลูกค้าก็สับสนตาลายกันพอดี ไม่รู้เจ้าไหนเป็นเจ้าไหนกัน ใส่เสื้อเอี๊ยมสีเดียวกันหรือเปล่าหนอทั้งชุดนัด
เหย้า กับ นัดเยือน มิใช่ว่า ทีมหนึ่งชุดเหย้าเป็นสีฟ้าขาว อีกทีมหนึ่งเป็นสีแดง พอเป็นนัดเยือนทีมหนึ่งเป็นสีแดง อีกทีมหนึ่ง
เป็นสีฟ้าขาวแทน ทำให้พระเจ้าก็ตัดสินใจไม่ถูก ไม่รู้ว่า "พระเจ้าช่วย สมุทรปราการ เอฟซี หรือ ยูไนเต็ด" ทีมไหนดีเนี่ย
ทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกันอีก ประเดี่ยวจะมีการอ้างสิทธิ์ มีทำป้ายโฆษณาเกบลั๊ฟทับแหลกว่า "สมุทรปราการทีมนี้เก่ากว่า"
ไม่เป็นไรหรอกนะ หากจะเป็นการทดสอบอีกครั้งจากเบื้องบนเพราะท่านติดธุระอยู่ จึงยังไม่มีเวลาช่วยสมุทรปราการ
เอฟซี ด้วยศรัทธาที่มีอยู่ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะขึ้นไปเล่นในดิวิชั่น 1 ให้ได้ด้วยความสามารถของตนเอง บนเส้นทาง
ศักดิ์ศรีที่ถูกต้อง พวกเราทีมสมุทรปราการ เอฟซี และ กองเชียร์ป้อมปราการ ต้องช่วยกันและทำให้ได้ในฤดูกาล นี้
ปี 2011
ไม่รู้เหมือนกันว่าหากสนามวัดราษฎร์โพธิทอง ใกล้ ๆ ฟาร์มจระเข้ หรือ โครงการอภิมหาโปรเจ็คสนามกีฬาประจำจังหวัดสมุทร
ปราการ ซึ่งเป็นสนามกีฬาขนาดใหญ่ ซึ่งตอนนี้ยังสรุปการก่อสร้างที่ชัดเจนไม่ได้แต่คร่าว ๆ ใช้งบประมาณ 1,274 ล้านบาท
(หนึ่งพันสองร้อยเจ็ดสิบสี่ล้านบาท) เกิดสมมติว่า สนามเสร็จเรียบร้อยขึ้นมา สมุทรปราการ เอฟซี จะได้สิทธิ ได้ใช้สนาม
กีฬาดังกล่าวข้างต้นหรือเปล่าหนอ จะได้รับการพิจารณาโดยเท่าเทียมกันหรือเปล่า ไม่รู้ว่า สมุทรปราการ เอฟซี ต้องรอนำเรื่อง
ไปปรึกษา ผอ. กกท.บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อถึงวันเวลาที่สนามนั้นสร้างเสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์แล้ว โดยไม่รู้ว่าจะใช้
เวลาอีกสักกี่ปีก็ตาม หรือว่า สมุทรปราการ เอฟซี ต้องนำเรื่องนี้ไปปรึกษา ผอ. เขต ป้อมปราบศัตรูพ่าย เจ้าของพื้นที่ใน
เรื่องราว "พระเจ้าช่วย กล้วยทอด"
กองเชียร์ป้อมปราการ แห่ง ป้อมปราบศัตรูพ่าย อาจจะไม่รู้แน่ว่ากล้วยทอดร้านแม่กิมลั้ง ร้านแม่กิมยุ้ย ร้านแม่
กิมนุ้ย กล้วยทอดร้านแม่ไหนอร่อยกว่ากัน แต่ กองเชียร์ป้อมปราการ แห่ง ป้อมปราบศัตรูพ่าย ต้องรู้แน่แก่ใจว่า
ฤดูกาลใหม่ ปี 2011 และตลอดไป พวกเรามาเชียร์ พวกเรามาเชียร์ สมุทรปราการ ไหน ถ้าไม่ใช่ สมุทรปราการ
เอฟซี สมุทรปราการเดียวในดวงใจ เพราะ ศรัทธาคงมั่นไม่แปรเปลี่ยน