หากจะกล่าวถึงเรื่องราวของเหตุการณ์อิงประวัติศาสตร์จีน "สามก๊ก" ระหว่างจ๊กก๊กของเล่าปี่ วุยก๊ก ของ
โจโฉ และ ง่อก๊กของซุนกวน ในปี พ.ศ. 763 - พ.ศ. 823 เริ่มแต่งโดย เฉิวโซ่ว ต่อมา หลอ กว้าน จง
นำมาแต่งเป็นนิทาน ผูกเนื้อเรื่องเป็นเรื่องราวอ่านสนุกที่เสริมเหตุการณ์ต่าง ๆ อ่านแล้วให้ข้อคิดต่าง ๆ มาก
มาย แล้วได้แปลเป็นภาษาไทยออกมา ไม่ว่าจะเป็นฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ในสมัยพระบาทสมเด็จ
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ในปี พ.ศ. 2345 ภายใต้ชื่อ "หนังสือสามก๊ก ฉบับราชบัณ
ฑิตยสภา", ฉบับวณิพก ของยาขอบ (ผู้แต่งเรื่อง ผู้ชนะสิบทิศ), ฉบับคัมภีร์บริหาร ของอาจารย์ทองแถม
นาถจำนง, ฉบับคนเดินดิน ของเล่า ชวน หัว, หรือ ฉบับพิชัยสงครามสามก๊ก ของสังข์ พัธโนทัย ก็ตาม
ตัวละครตัวหนึ่งในการสร้างตัวละครที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นกว่า 400 คน บ้างเป็นขุนศึก บ้างเป็นหัวหน้า
ล้วนเกิดขึ้นแล้วดับสูญไปในยุคสามก๊ก บางคนตายในหน้าที่ บางคนตายตามสังสารวัฎ บางคนพิลึกกึกกือ
ตายด้วยไสยศาสตร์และวาทศิลป์ บางคนมีความกล้าหาญเสียสละ บางคนมีวีรกรรมรักแผ่นดินซื่อสัตย์จน
ตัวตาย บางคนขี้ขลาด แสร้งกลัว แล้วซุ่มโจมตี ตามอุปนิสัย แต่ตัวละครที่จะต้องมีคนพูดถึงกล่าวถึงอยู่มิ
ใช่น้อย คือ ขงเบ้ง
ขงเบ้ง หรือ จูกัดเหลียง แห่งเชิงเขาโงลังกั๋ง ผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน มีฉายาว่า ฮกหลง แปลว่า มังกรหลับ /
มังกรซุ่ม ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการยุทธการของพระเจ้าเล่าปี่ในตำแหน่งสมุหนายกและผู้บัญชาการ
ทหารสูงสุดแห่งจ๊กก๊ก ขงเบ้งได้ชื่อว่าเป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้นที่ยิ่งใหญ่โดยคิดค้น หมั่นโถว ธนูไฟ โคมลอย
ขงเบ้งมักได้รับการยกย่องว่าเก่งที่สุดแล้วในเรื่องสามก๊ก แต่จะมีใครรู้บ้างว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า / เหนือ
มังกรยังมีหงส์ / หงส์เหนือมังกร เพราะขงเบ้งรู้ก่อนออกจากกระท่อมน้อยแห่งเขาโงลังกั๋งว่า "แผ่น
ดินจะแยกเป็นสามก๊ก" แต่ สุมาเต็กโชว์ ผู้เป็นอาจารย์ของขงเบ้ง นั้น รู้ก่อนที่ขงเบ้งไปทำงานกับ
เล่าปี่ว่า "ขงเบ้งจะรวมสามก๊กเป็นก๊กเดียวไม่ได้ และ จะกระอักเลือดตาย"
ขงเบ้งประสบความสำเร็จจากการยกทัพไปปราบบังเฮ็ก อานารยชนที่แดนใต้ แต่ขงเบ้งไม่ประสบความ
เลยในการยกทัพบุกเหนือถึง 6 ครั้ง และ ผู้ที่ทำให้ขงเบ้งต้องกระอักเลือดตาย รากเลือดตาย เมื่อ
อายุ 54 ปี ทำให้ขงเบ้งกลายเป็นมังกรที่หลับนิทราไม่มีวันฟื้นคืนชีพอีกตลอดกาล ตามคำทำนาย
ของสุมาเต็กโชว์ ผู้เป็นอาจารย์ คือ สุมาอี้ หรือ สือ หม่า อี้ ผู้ชนะทุกก๊ก ผู้มีบุคลิกร้ายลึก แสบแบบ
เนียน ๆ แต่กรีดแล้วเจ็บจิตให้ได้จดและจำไปจนถึงวันตาย
จากบทเรียนประวัติศาสตร์ย้อนกลับมามองดูในปัจจุบัน เรามักได้ยินคนที่ว่าเก่งนักเก่งหนานั้น มักได้รับการ
ยกยอปอปั้นว่าเป็น "ขงเบ้ง" กันจังแต่หารู้ไม่ว่าจุดจบ หรือ บั้นปลายชีวิตของขงเบ้งนั้นเป็นอย่างไรเพราะ
ช่างอาภัพและอเน็จอนาถช่างน่าสงสารเสียนี้กระไร เท่าที่พอนึกออกบอกกันได้ก็มี
วงการทหารและการเมืองไทย
พ่อใหญ่จิ๋วหวานเจี๊ยบ ผู้ล้ำลึกว่าที่คิด เพราะแค่ฟังการพูดจาทีไรก็ต้องแปลกันหลายตลบกว่าจะเข้าใจกันได้
ฉายา "ขงเบ้งกองทัพบก" ได้มาไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่อาจจะเพราะจับสลากมาหรือไม่ จำเป็นต้องพิสูจน์
กันต่อไป
วงการหมัดมวยไทย
"ขงเบ้งหมัดมวย" นักมวยไทยในรุ่นพิกัดน้ำหนัก 129 ปอนด์ (57.23 กิโลกรัม) นามว่า "ขงเบ้ง ก.
ร่มศรีทอง" ก็มีแพ้ต่อคู่ชกให้เห็นและได้ยินหลายต่อหลายครั้ง
วงการลูกหนังไทย
เขาว่ามี "ขงเบ้งลูกหนัง" ที่คุมทีมกิเลนทะเลใต้ยกทัพบุกเหนือขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าจุดจบของ "ขงเบ้งลูกหนัง"
จะต้องกระอักเลือดตายเหมือนเช่นในประวัติศาสตร์เรื่อง "สามก๊ก" หรือไม่จะรู้กันในวันอาทิตย์ที่ 17 ต.ค.
2553 ณ สนามกรมศุลกากร พิพากษาชีวิตขงเบ้งเริ่มต้น 16.00 น. เพราะดินแดนสมุทรปรากรเต็มไปด้วย
"หงส์เหนือมังกร" หงส์ ซึ่งเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของพี่น้องชาวรามัญและที่สำคัญ "ขงเบ้ง" แพ้ทาง
"สุ" ทั้ง สุมาเต็กโชว์ / สุมาอี้ / สุวรรณภูมิ / สุน-กา-กอน และ สุ สุ สุ ... สุดยอด ป้อมปราการ