เชื่อแล้วว่า ภูเก็ตมีแต่วีรสตรีในการคิดและทำสามานย์ต่ำช้าเลวทราม หาได้มีวีรบุรุษตัวผู้สักตัวไม่
กองเชียร์ป้อมปราการ / Fortressians รวมพลออกไปเยือน ณ สนามสุระกุล ที่อาจจะแปรเปลี่ยนชื่อเป็น สนามอสุระกุล ด้วย
ไม่ใช่สนามสุระกุล วงศ์วานแห่งผู้กล้าอีกต่อไป นับตั้งแต่จบการแข่งขันในนัดที่ 10 กับสมุทรปราการ เอฟซี แต่สมควรเปลี่ยนชื่อ
เป็น ณ สนามอสุระกุล สนามแห่งความขี้ขลาด หรือ สนามอสูรกายกุลสนามแห่งใจยักษ์ใจมาร เป็นอย่างยิ่ง โดยไม่สงวนลิขสิทธิ์
หากคิดจะนำไปใช้เป็นชื่อใหม่ของสนามตัวเอง ปราการถือว่าเป็นการทำบุญทำทานให้กับสัตว์โลกผู้อดอยากเป็นเปรตขอส่วนบุญ
ในชัยชนะไม่ว่าเลวต่ำทรามเพียงใดในวิธิการขอส่วนบุญนี้
นับตั้งแต่วินาทีที่กองเชียร์ป้อมปราการ / Fortressian Army เดินหน้ากรีฑาทัพเข้าสู่ทุ่งสังหารก่อนเริ่มการแข่งขัน ได้รู้ได้
เห็นการจัดการที่ให้กองเชียร์ปราการ นั่งและเชียร์อยู่บนสแตนด์อัฒจันทร์ เยื้อง ๆ มาทางขวาของซุ้มม้านั่งสำรองทีมฟ้าขาว ด้าน
อัฒจันทร์มีหลังคา เจ้าหน้าที่สนามและคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ปล่อยให้กองเชียร์ภูเก็ตเดินผ่านไปผ่านมาหน้าสแตนด์เรา
เพราะเปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมตรงด้านข้างขวามือเพียงประตูเดียว อีกทั้งในสนามเห็นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดสีกากีอยู่เพียง 2-3
นายเท่านั้น ไม่รู้ว่าคิดทำกันไปได้อย่างไร ถึงอย่างไรกองเชียร์ป้อมปราการไม่กลัวอยู่แล้ว ที่ต้องเชียร์อยู่ในท่ามกลางฝูงชนกอง
เชียร์ภูเก็ตอยู่แล้ว กลัวซะที่ไหนกันเล่า
ปราการขึ้นนำเร็ว 0 - 1 ตั้งแต่นาทีที่ 4 ต้นครึ่งแรก จากลูกระยะยิงส่องไกลกว่า 35 หลา บอลกระทบคานเด้งลงมาข้ามเส้น
เป็นประตู จากนั้นตัวละครลึกลับชายชุดดำเกิดภวังค์พรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มีจิตสงสารอยากให้นักเตะและทีมภูเก็ตพ้นทุกข์
จากการถูกปราการยิงออกนำ อีกทั้งยังปรารถนาให้ภูเก็ตทั้งมวลมีความสุขด้วยการเอาชนะสมุทรปราการ เอฟซี นักเตะปราการจึง
ต้องถูกจับกลายเป็นแพะบูชายัญสัวเวยความอยากชนะจะด้วยวิธีใด ๆ ก็ตาม จะถูกต้อง จะถูกหลักน้ำใจนักกีฬาที่ดีหรือเปล่าก็ไม่รู้
ที่ต้องรู้อย่างเดียว คือ เอฟซี ภูเก็ต ทำอย่างไรก็ได้ ต้องชนะ สมุทรปราการ เอฟซี อย่างเดียว เท่านั้น
แข่งขันในสนามด้วยจำนวนผู้เล่น 11 คน ที่เท่ากัน แต่ ไม่เท่ากัน เพราะนักเตะกิเลนหรือเจ้าเต่าทะเล ได้รับการเอาใจช่วยอย่าง
ซาบซึ้งจากคณะชายชุดดำที่นักฟุตบอลป้อมรปราการจะถูกเนื้อ จะแตะเนื้อต้องตัว นักเตะภูเก็ตไม่ได้โดยเด็ดขาด โดนตัวเมื่อไร
ชายชุดดำต้องเป่าฟาวล์รวมกันทั้งเกมถึง 36 ครั้ง เฉลี่ยทุก 2 นาที ปราการฟาวล์แน่ ๆ 1 ครั้ง หรือแจกใบเหลืองให้นักเตะทีมเรา
ปราการเกือบครบทั้ง 11 คน นักเตะคนไหนที่ไม่ได้รับใบเหลืองในเกมนี้คงเสียใจ เสียดาย อายเพื่อน ๆ นักเตะด้วยกันแย่เลย
ยังไม่นับ 1 ใบแดง ที่ได้รับมา ขาดอีกอย่างเดียว มันยังไม่กล้าให้ลูกจุดโทษ หรือ ยังไม่ถึงเวลา หากทุกแผนล้มเหลวก็เป็นได้
ถ้าเป็นดังนั้น จะต้องเรียกว่าเพอร์เฟ็คเทน (Perfect Ten) ให้กับความระยำในครั้งนี้อย่างแน่นอน
ปฏิบัติการทุ่งสังหารในสนามก็หนักแทบตายแล้ว บรรดาพวกเต่า ๆ ทั้งหลาย ยังคิดแผนการชั่วช้าสามานย์เพิ่มเติมเป็นแผนรอง
รับ เป็นแผน 2 หรือ แผน 3 ตามมาสมทบอีก เพราะกลัวว่าสมุทรปราการ เอฟซี และ กองเชียร์ป้อมปราการ ในสนามอสุระกุล
จะหือลุกขึ้นมาสู้อีก ด้วยทั้งเกาะภูเก็ตไม่มีวีรบุรุษหลงเหลืออยู่ จึงหน้าด้าน น่าไม่อาย และเกรงความชั่ว พวกนายหัว หรือ นาย
หาง นายท้ายก็ตามแต่ จ้างวาน "วีรสตรีเสื้อเขียว" ในความคิดของพวกมัน ที่เป็นเพศแม่ของพวกมัน ที่ทำทีเป็นตากล้องหญิง
ใจอัปรีย์คอยมาป้วนเปี้ยนบริเวณข้างสนามใกล้กับซุ้มม้านั่งสำรอง และด้านหน้าของกองเชียร์ป้อมปราการ มือถือกล้องซึ่งไม่รู้ว่า
ถ่ายรูปเป็นจริงหรือเปล่า ส่วนสายตายักษีจับจ้องที่ก้นตาข่ายด้านหลัง "เจ้าจอม" ชูเกียรติ ฉิมวงษ์ โกล์ปราการอยู่แบบตาไม่
กระพริบ คงมิใช่หลงใหลน่าปลื้มกับความหล่อคมคายและฝีมือเทพของโกล์ปราการอย่างแน่นอน เป้าหมายที่ยักษีเสื้อเขียวตน
นี้ได้รับมอบหมายมา คือ ผ้าแดงก้นตาข่าย ของส่วนตัวของ "เจ้าจอม" แต่ด้วยครึ่งแรก "เจ้าจอม" ยืนเฝ้าเสาประตูอยู่หน้า
กองเชียร์ป้อมปราการ จึงยังไม่สะดวกใจต่ำและกายทรามในการจะทำความชั่วใจต่ำได้สะดวกนัก
กองเชียร์ป้อมปราการที่ทราบความเลวระยำต่ำทรามนี้ ได้พยายามถ่ายทอดและบอกพวกเรากันเอง รวมถึงพี่อาร์ทและเจ้าหน้าทีม
และน้าที ที่อยู่ข้างสนามให้คอยเฝ้าระมัดระวังกัน ครึ่งหลังประตูเราต้องไปย้ายข้างไปอยู่ฝั่งกองเชียร์เต่าทะเล กองเชียร์เราที่มี
ป้ายคล้องคอ ไอดีการ์ด เป็นเจ้าหน้าที่ทีมลงไปเฝ้าระวังอยู่หลังประตูด้านหลัง "เจ้าจอม" ตากล้องสาวฝั่งเต่าที่ปลอมตัวมาอายุ
คงยังไม่เท่าไรแต่ทำไมถึงปล่อยตัวปล่อยใจทำความเลวระยำต่ำทรามได้ใจเป็น "วีรสตรี" ในสายตาของพวกเต่าทะเลตัวผู้ของ
อียักษีผีโขมดเพศแม่ของพวกมัน
ทั้งเหยียบข้ามผ้าแดงของเจ้าจอมเพราะนักเตะพวกมันหมดปัญญายิงเจาะผ่านมือโกล์เรา หลังจากนั้นก็ให้เด็กหลังโกล์หยิบขโมย
ผ้าแดงผืนนี้ไปอีกแต่ก็ตามกลับคืนมาได้ ด้วยกองเชียร์เราที่เป็นเจ้าหน้าที่ทีมคล้องคอด้วยไอดีการ์ดเป็นช่างภาพยืนเฝ้าอยู่หลัง
ประตู กลับถูกการรวมสุ่มหัวเป็นหมาหมู่ ประกาศไล่ช่างภาพเราออกจากหลังประตู ทีอียักษีผีโขมดใส่เสื้อเขียว สีเดียวกันกับพวก
นักเตะเต่าทะเล รวมถึงเด็กเก็บบอลที่มานั่งป้วนเปี้ยนวอแวอยู่หลังประตูกลับรู้เห็นเป็นใจปล่อยปะละเลยให้ทำอะไรก้ได้ตามใจ
แผนสารเลวแรกใช้ไม่ได้ผล พวกมันกับเจ้าหน้าที่สนามอสูรกายกลับปล่อยให้กองเชียร์วิ่งลงเข้าไปในสนามหลังประตูเจ้าจอม
เข้าไป "แย่งชิง หยิบ ขโมย" ผ้าแดงของเจ้าจอมที่วางไว้ก้นตาข่าย เป็นการกระทำการเยี่ยงโจรในสนามทุ่งสังหารต่อหน้าต่อ
หน้าต่อตาบรรดานายหัวนายหางนายท้าย ต่อหน้าเจ้าหน้าทีมภูเก็ตสูงส่ง ต่อหน้าต่อตาบรรดาสื้อข่าวกีฬาทั้งหลาย ต่อหน้าต่อ
ตาบรรดากองเชียร์เต่าทะเล เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่เราวิ่งตามใกล้เข้าไปแล้วจวนตัว มันได้ส่งผ้าแดงนั้นต่อไปให้ยังบรรดากองเชียร์
เต่าในกระดองที่ยืนอยู่บนอัฒจันทร์ด้านข้างหลังประตู ส่งกันเป็นทอด ๆ ชูผ้าแดง หมุนผ้าแดงเล่นอย่างสนุกสนาน ซึ่งต่างพากัน
หัวเราะชอบใจเหมือนต่างพากันรู้เห็นเป็นใจด้วยการส่งเสียงเชียร์ในการกระทำเยี่ยงไอ้โจร 500 เช่นนี้ เจ้าหน้าที่ทีมเราเห็น แต่
แปลกใจสิ้นดี กลับไม่มีเจ้าหน้าที่สนาม หรือ โฆษกสนามตัวดี กลับหูหนวกตาบอดใจบอด กลับมองไม่เห็นการกระทำเยี่ยงโจร
ขโมยเช่นนั้นกลับไม่มีการประกาศเตือนและเรียกเจ้าหน้าที่สนามช่วยกันขัดขวางและจับตัวไอ้ตัวขโมยสันดานหยาบช้าเหมือนว่า
ทุกคน ณ สนามอสูรกายกุล ร่วมรู้เห็นเป็นใจในการกระทำเยี่ยงโจรเช่นนั้นไปแล้วหรือไรหาก
ไอ้โจรขโมยตัวนั้นเกิดมีอาวุธพกพาลงไปด้วยแล้ว เกิดไปทำร้ายร่างกายเจ้าจอมโกล์ปราการเพราะหมั่นไส้ว่า "เก่งนักใช่ไหม"
ทำให้นักเตะเต่าหมดปัญญายิงประตูผ่านมือโกล์ไปได้มันจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่จากสมาคมฯ ที่เรียกว่าผู้อำนวยการ
แข่งขัน/แมตช์ คอมมิชชั่นเนอร์ (Match Commissioner) จะรู้จะเห็นและบันทึกเหตุการณ์เยี่ยงโจรนี้ไว้เป็นลายลักษณ์อักษร
หรือไม่ อย่าบอกนะว่าก็ไม่ไม่เห็นเหตุการณ์นั้นเหมือนกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง นอกจากตาฟ้า ตาสวรรค์ และตากองเชียร์ปราการ
แล้ว ทุกคนที่เป็นเอฟซี ภูเก็ต คงตาบอด ใจบอด เป็นยักษายักษีกันไปหมดแล้วทั่วทั้งสนาม คงน่าอนาถและอดสูใจเป็นยิ่งนัก
กับการสมรู้ร่วมคิด การรู้เห็นเป็นใจกับการขโมยผ้าแดงของโกล์ปราการไป นี้ยังไม่นับรวมการกระทำของบรรดากองเชียร์เต่าทะเล
ที่ปากระป๋องเบียร์ลงมายังกองเชียร์ป้อมปราการที่ถูกโอบล้อมโดยกองเชียร์เต่าทะเลรอบด้าน
พวกเต่าทะเลคงบอกให้ยอมรับคำตัดสินของชายชุดดำ เพราะส่วนใหญ่ผลประโยชน์ไปตก มาเอื้อเฟือ เป็นใจจะโดยตั้งใจทำ
หรือ ไม่ตั้งใจทำ ของชายชุดดำที่ผ่าน ๆ มา ก็ตาม หรือ พวกที่ปากระป่องเบียร์ลงมายังกองเชียร์ป้อมปราการ คงไม่ใช่กองเชียร์
พันธุ์แท้ของพวกเต่าก็เลยไม่ต้องรับผิดชอบ ชั่วดีคืออะไร ถูกผิดเป็นอย่างไร เพียงอยากให้พวกเต่าทะเลได้พิจารณาทบทวนว่า
มันเป็นสิ่งที่สมควรภูมิใจนักหรือ ถูกต้องแล้วหรือ ในชัยชนะที่ได้มาด้วยการกระทำและปล้นสะดมภ์เยี่ยงโจรโฉดใจหยาบช้านี้
ยักษีกองเชียร์เต่าทะเล ที่ทำตัวเป็นตากล้องสาวเต่าทะเลใจมารใจหยายที่บังอาจเหยียบข้ามผ้าแดงของเจ้าจอม ด้วยเจตนา
ร้ายและชั่วช้าสามานย์
ยักษาเด็ก ทั้งที่ยังเป็นกองเชียร์เด็กที่ได้รับคำสั่งชั่วช้าจากยักษาผู้ใหญ่ ที่ทำตัวเป็นเด็กเก็บบอล เด็กรักษาดินแดน หลังประตู
เจ้าจอม ที่บังอาจหยิบขโมยผ้าแดงไป
ยักษากองเชียรชั่วตัวผู้ ที่วิ่งลงมาจากอัฒจันทร์ลงมายังในสนามอสูระกายกุลที่บังอาจมากระทำเยี่ยงโจรด้วยการ "ขโมย" ผ้าแดง
ของเจ้าจอมออกไปจากก้นตาข่าย วิ่งออกไปและส่งต่อผ้าแดงนั้นให้กับยักษ์กองเชียร์อีกหลาย ๆ ตัวบนอัฒจันทร์ที่รับส่งผ้าแดง
ต่อ ๆ กัน
ยักษา ยักษี ทุกตัวตนในสนามอสูระกายกุลที่บังอาจหัวเราะชอบใจ ที่สมคบร่วมคิด ที่รู้เห็นเป็นใจกับการกระทำเยี่ยง "โจรขโมย"
พวกยักษา ยักษี เหล่านั้น จะต้องประสบพบกับภัยพิบัติ ความหายนะ ความฉิบหาย ความหายนะในชีวิตและทรัยพ์สินของพวกมัน
ทุกตัว ในการคิด ในการกระทำ ในการร่วมรู้สมคบร่วมคิดกัน รู้เห็นเป็นใจ สนับสนุนและมีใจในการกระทำการเยี่ยง "โจร
ขโมย" ลักทรัยพ์ผ้าแดงของเจ้าจอมล์ปราการต่อหน้าต่อหน้าพวกยักษา พวกยักษี ทุกตัว เพราะได้กระทำผิดอย่างมหันต์ด้วย
การลบหลู่ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั้งปวงที่ดำรงสถิตย์อยู่ในผ้าแดงผืนนั้นตามความเชื่อแบบไทย เพราะความผิดมหันตโทษนั้น
พวกยักษา ยักษี ทุกตัว ได้กระทำผิดเสร็จกิจลงไปโดยสมบูรณ์แล้ว มิอาจมากล่าวขอโทษ ขอขมา ทั้งต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ บน
สากลพิภพ และ / หรือ ทีมสมุทรปราการ เอฟซี และ / หรือ กองเชียร์ป้อมปราการ อีกแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าการกระทำ
หยาบช้าสามานย์ลบหลู่ในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของแต่ละบุคคล จะบังเกิดขึ้นเพราะน้ำมือและใจพวกยักษา ยักษี ที่เอ่ยอ้าง
ว่าพวกตนถือศีลกินผัก ใจบริสุทธิ์ ใจสะอาด แต่กับการกระทำของพวกยักษา ยักษี ณ สนามอสูระกายกุลกลับแสดงให้เห็นธาตุ
แท้ที่ซ่อนเร้นแฝงอยู่ในกายขยะใจแขยง ร่างและใจที่สกปรกเลวทรามต่ำช้าสามานย์เป็นยิ่งนัก เกินกว่าจะรับได้ และ เกินกว่า
จะให้อภัยได้