ผลงานในปี 2010 ของทีมสโมสรฟุตบอลจังหวัดสมุทรปราการ หรือ สมุทรปราการ เอฟซี ป้อมปราการ ทีมจังหวัดสมุทรปราการ
แท้ ๆ ที่มิได้มีการตัดแต่งพันธุกรรมเปลี่ยนร่าง แปลงร่าง เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนสกุล สวมสิทธิ์ แทนสิทธิ์ จากทีมองค์กรเอกชนใด ๆ
ทั้งสิ้นเพราะป้อมปราการมีตัวตนมีศักดิ์ศรีที่แท้จริง มีจิตวิญญาณที่รับรู้สัมผัสได้ มีรอยยิ้มและคราบน้ำตาในการต่อสู้อย่างเปิดเผย
ด้วยตำแหน่ง รองแชมป์ภาคกลางและตะวันออก กับ การเข้าไปเล่นในรอบแชมเปี้ยนส์ ลีก 2010
เป็นถึงรองแชมป์ภาคกลางและตะวันออกเชียวนะ แต่ยังมิได้รับเงินรางวัลเข้ากระเป๋าสโมสรมาสักแดงเดียว กับ เงินรางวัลรองชนะ
เลิศ 400,000 บาท (สี่แสนบาทถ้วน) ทั้ง ๆ ที่กว่าเงินรางวัลดังกล่าวจะคลอดออกมาจ่ายได้ ทั้ง กกท. และ สมาคมฟุตบอลฯ
ต้องขอเลื่อนจ่ายแล้วจ่ายเล่าอยู่ถึง 3 ครั้ง ด้วยกัน จากกำหนดเดิมต้องจ่ายเงินรางวัล เมื่อจบเลกสอง ปี 2010 เมื่อวันอาทิตย์
ที่ 19 ก.ย. 2553 คือ
เลื่อนครั้งที่ 1 ขอเป็นจบเลกแรกของรอบแชมเปี้ยนส์ ลีก 2010 เมื่อวันเสาร์ที่ 13 พ.ย. 2553
เลื่อนครั้งที่ 2 ขอเป็นทำการแข่งขันจบเลกสองแชมเปี้ยนส์ ลีก 2010 เมื่อวันเสาร์ที่ 25 ธ.ค. 2553
เลื่อนครั้งที่ 3 ขอเป็นให้ทำการแข่งขันในรอบเพลย์ ออฟ กับ ทีมอันดับที่ 13 ถึง 16 ของดิวิชั่น 1 จบเสร็จสิ้นก่อนในวันเสาร์ที่
15 ม.ค. 2554
สุดท้าย ได้มีการจัดงานมอบเงินรางวัลสำหรับแชมป์ภาค 600,000 บาท และ รองแชมป์ภาค 400,000 บาท รวม 5 ภาค เมื่อ
วันจันทร์ที่ 17 ม.ค. 2554 เวลา 14.00 น. โดยมี นายชัยโชค พุ่มพวง อุปนายกอาวุโส เป็นประธานในพิธี ร่วมด้วย นายวิมล
กาญจนะ ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันฟุตบอล เอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 นายเกรียงสิทธิ์ หนุ่มรักชาติ ประธานภาค
เหนือ และเลขานุการคณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ และ นายโสภิต ภาโณมัย รองประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันฟุตบอล
เอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 ร่วมเข้าที่ประชุม แต่มีเพียงตัวแทนจาก 4 ทีม ที่มาร่วมงานและรับเงินรางวัล คือ บางกอก เอฟซี
แชมป์กรุงเทพปริมณฑล สระบุรี เอฟซี แชมป์ภาคกลางและตะวันออก เลย ซิตี้ แชมป์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ ตรัง เอฟซี
รองแชมป์ภาคใต้ อีก 6 ทีม ที่ไม่ได้มาร่วมงานและรับเงินรางวัล คือ เชียงใหม่ เอฟซี กับ ชัยนาท เอฟซี แชมป์และรองแชมป์
ภาคเหนือ บุรีรัมย์ เอฟซี รองแชมป์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มหาวิทยาลัยรังสิต รองแชมป์กรุงเทพปริมณฑล เอฟซี ภูเก็ต
แชมป์ภาคใต้ และ สมุทรปราการ เอฟซี รองแชมป์ภาคกลางและตะวันออก ด้วยประธานสโมสรและทีมงานต้องไปร่วมงานแถลง
ข่าวเปิดตัวสโมสรฟุตบอลสมุทรปราการ คัสตอมส์ ยูไนเต็ด ในฐานะทีมพันธมิตร ที่ได้รับเชิญไว้เรียบร้อยก่อนล่วงหน้าแล้ว ณ สโมสรกรมศุลกากร ในวันเวลาเดียวกัน
กระทั่งบัดนี้ วันจันทร์ที่ 24 ม.ค. 2554 สโมสรฟุตบอลจังหวัดสมุทรปราการยังไม่ได้รับเงินรางวัลรองชนะเลิศ 400,000 บาท
(สี่แสนบาทถ้วน) จากคณะกรรมการฯ และ สมาคมฟุตบอล แต่อย่างใด จึงขอทวงถามเงินรางวัล 400,000 บาท เพื่อ ทวงสิทธิ
ที่ถูกต้องโดยชอบธรรม มิใช่เป็นการสวมสิทธิ แทนสิทธิ แบบทีมฟุตบอลบางทีมมักอ้างเอ่ยกัน ด้วยการกัก เก็บ หน่วงเนี่ยวเงิน
รางวัลดังกล่าวอันเป็นทรัพย์สินของสมุทรปราการ เอฟซี โดยไม่ทำการส่งมอบให้กับสโมสรฯ เมื่อมีการทวงถามและพร้อมขอรับ
เงินรางวัลแล้ว
พึงระลึกเสมอว่าเงินรางวัล 400,000 บาท (สี่แสนบาทถ้วน) นั้น เป็นเงินคนละส่วนกับที่เจ้าหน้าที่ท่านใดในคณะกรรมการฯ จะ
มาทึกทักตู่เอาเองหน้าตาเฉยว่าจะต้องเอามาหักกับเงินค่าปรับประมาณ 25,000 บาท ในกรณีเหตุการณ์ป้อมปราการกับ ชัยนาท
เมื่อวัน "คืนพระจันทร์ดับ" วันลอยกระทงอลหม่าน วันเสาร์ที่ 21 พ.ย. 2554 ณ สนามกรมศุลกากร รวมกันกับเงินค่าปรับนัก
เตะปราการได้รับใบเหลืองปลิวสะว่อนร่อนท้องทะเลใน 2 - 3 นัด สุดท้ายในรอบแชมเปี้ยนส์ ลีก 2010 โดยเฉพาะอย่างยิ่งนัด
วิบัติภัยกับการออกไปเยือนขุมนรกเกาะคนถือศีลกินผัก เมื่อวันเสาร์ที่ 25 ธ.ค. 2553 ที่นักเตะปราการได้รับใบเหลืองถึง 8 - 9
ใบ ทำให้อีก 2 - 3 นักเตะปราการที่เหลือในทีมน้อยใจชายชุดดำ ใจดำ ที่ลงตัดสินในวันนั้นว่า ทำไมถึงให้ไม่ครบ 11 คน ไปซะ
ซึ่งตามกฎ มีร่างเป็นลายลักษณ์อักษรไว้หรือเปล่าก็ไม่รู้ว่า หากทีมต้องการให้นักเตะที่ได้รับใบเหลืองลงเล่นในนัดต่อไป ต้อง
จ่ายเงินชำระเป็นค่าปรับใบเหลืองซะก่อน จึงจะลงเล่นได้ พร้อม "ลูกขู่" ไว้ด้วยว่า เป็น "คดีที่ห้ามอุทธรณ์" โห! สุดยอด
ของความเป็น "มืออาชีพ" จริง ๆ
แต่นี้ ทีมไม่ได้มีความต้องการให้นักเตะที่ได้รับใบเหลืองจำนวนมากมายเหล่านั้นลงเล่น แล้วจะมาบีบคอ หักคอ หักดิบ มาหัก
กลบลบนี้กับเงินรางวัล 400,000 (สี่แสนบาทถ้วน) แบบนี้ โดยการมาริบเงินรางวัลดังกล่าวไว้เป็น "ตัวประกัน" ด้วยการเอามีด
มาจ่อคอหอยปราการ ซึ่งพร้อมจะทำร้าย และ เสียบลูกกระเดือกปราการให้ตายลงไปเชียวหรือ อีกทั้ง นักเตะเหล่านั้นส่วนใหญ่ก็
ย้ายออกไปเล่นให้ทีมอื่น ๆ ที่เป็นทีมเงินถุงเงินถัง เกือบหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นราชบุรี เอฟซี และ สมุทรปราการ ยูไนเต็ด ก็ให้ตาม
ไปเรียกเก็บเงินค่าใบเหลืองที่อยากให้นักเตะลงเล่นกับทีมเหล่านั้นแทน หรือ ไม่กล้าเพราะ "ขาใหญ่" กลัว "ขาใหญ่กว่า"
จึงขอเรียกร้องสิทธิความถูกต้องโดยชอบธรรมมายังเจ้าหน้าที่ท่านใดของคณะกรรมการฯ และ สมาคมฟุตบอลฯ ที่เป็นผู้ริบเก็บ
เงินดังกล่าว ด้วยการรีบคืนเงินรางวัลรองแชมป์ภาคกลางและตะวันออก จำนวนเงิน 400,000 บาท (สี่แสนบาทถ้วน) กลับ
คืนมาให้สโมสรฟุตบอลจังหวัดสมุทรปราการ / สมุทรปราการ เอฟซี / ป้อมปราการ โดยด่วนที่สุด มิฉะนั้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ง
หลายซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวสมุทรปราการและคนทั่วไป อาจจะสำแดงเดชแค้นเคือง ก่อให้ท่านทั้งหลายประสบความ
หายนะและไม่มีความสุขตลอดไปชั่วชีวิต หรือ มิฉะนั้น พี่น้องป้อมปราการอาจจะยื่นเรื่องของความเป็นธรรมไปยัง กกท. หรือ
คณะกรรมการธิการท่องเที่ยวและกีฬา สภาผู้แทนราษฎร ที่เคยเรียก กกท. และ สมาคมฟุตบอลฯ เข้าไปชี้แจงเรื่องการไม่จ่าย
เงินรางวัลมาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อวันพุธที่ 27 ต. ค. 2553 หวังว่าพวกท่านคงยังจำกันได้ดี เพื่อ พิสูจน์กันว่า ในเมืองไทยนี้ยังคง
มี "คนดี" และ "ความถูกต้อง" หลงเหลืออยู่ให้ผู้คนได้เคารพและศรัทธากันต่อไป