ความเดิมจากตอนที่แล้ว ผ่านไป 4 นัด ของครึ่งทางแรก ป้อมปราการ สมุทรปราการ เอฟซี เปิดตัวนัดแรก
ล่องใต้แดนไกลอย่างสวยงามด้วยการบุกไปเอาชนะ เรือกอและพิฆาต นราธิวาส ทำให้ทีมนราพบกับความ
พ่ายแพ้เป็นครั้งแรก และบนแผ่นดินสนามมีนารา นรกสำหรับทีมเยือน แต่แดนใต้แห่งนี้กลับกลายเป็นแดน
สวรรค์ที่แสนประทับใจ หากเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เรามีแต่สันติสุข แว่วเสียงเพลงล่องใต้
โอ้ บาง นรา ... มีวาสนา คง มา อีก ที คงเป็นความจริงได้อย่างแน่นอน
นัดที่ 5 : ลุย เลย ไปกลับ 1,098 กิโลเมตร / วันเสาร์ที่ 31 ต.ค. 2552 สนามกีฬาจังหวัดเลย
นัดเหย้า ปราการ 1 - 1 เลย ซิตี้ ออกไปเยือน กับ หนึ่งรถบัสกองเชียร์ป้อมปราการ กับ บางส่วนที่ขับรถ
ตามไปเอง พร้อมกับกำลังใจยังคงล้นเปี่ยมไปด้วยความไม่ย่อท้อ แต่การณ์กลับเป็นว่านักเตะและกองเชียร์
ปราการต้องเผชิญกับความหนาวเหน็บของความพ่ายแพ้เป็นครั้งที่สองในรอบมินิลีก 2009 ด้วยผลแข่งขัน
เลย 1 - 0 ปราการ อากาศเย็นสะท้านบนภูเรือ หรือ ภูกระดึง ยังมิอาจทำลายความอบอุ่นภายในครอบครัว
ปราการได้เลย แล้วไฉนเจ้าผีตาโขนออกศึก เลย ซิตี้ จะมาทำลายความหวังของพวกเราป้อมปราการลงหละ
ผ่านไปแล้ว 5 นัด ปราการทำได้เพียง 5 แต้ม หริบหรี่ลงเลย เพราะ เลย ซิตี้ สิ่งเดียวที่พอเยียวยาพวกเรา
ได้ คือ การเชียร์ที่สุดมันไม่มีหยุดของกองเชียร์ป้อมปราการ ปะทะ กองเชียร์ตาโขนเรนเจอร์ มิตรภาพล้วน
เกิดขึ้นได้แม้จะเชียร์กันคนละทีมกับความสนุกสนานของกองเชียร์เองเมื่อกลับมาตั้งหลัก ณ ที่พักแถวภูเรือ
นัดที่ 6 : แค้นถูกชฎาปักอกซ้ำ/วันอาทิตย์ที่ 8 พ.ย. 2552 สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ บางมด
ได้โอกาสกลับมาเปิดบ้านรังเหย้าสนามบางมดอีกครั้งครา รับการมาเยือนของแข้งชฎา ราชประชานนทบุรี
แม้ว่าจะเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงกรรมการผู้ตัดสินอย่างฉุกละหุกก่อนแข่งขันไม่เท่าไร ทำให้สมาธิก่อนพวก
เราทุกคนหลุดลอยไปกับอารมณ์คุกรุ่นด้วยความไม่พอใจในการกระทำไม่ปกตินี้ แต่ปราการกลับทำได้ดี
ออกนำไปก่อนในครึ่งแรก 1 - 0 โดย เอดู นักเตะหมายเลข 10 แต่ครึ่งหลังกลับมาเหมือนหนังคนละ
ม้วน ราชประชานนทบุรี ลงมาเล่นเหมือนเป็นพระเอก ไล่ขึ้นมาเป็น 1 - 1 และท้ายที่สุดจบลงด้วยผลเป็น
ปราการ 1 - 2 ราชประชา พร้อมกับเหตุการณ์ชลมุ่นวุ่นวายในสนามพักใหญ่ ปราการแพ้อีกแล้วเป็นนัดที่
3 แล้ว ผ่านไป 6 นัด ยังคงได้คะแนนเพียง 5 แต้ม หาทางไปดิวิชั่น 1 แทบไม่เจอหากเป็นทีมอื่น ๆ แต่
กับสมุทรปราการ เอฟซี และกองเชียร์ป้อมปราการ หาเป็นเช่นนั้นไม่ ในตอนนั้นมี 5 แต้มก็ยืนยันจะขอไป
ไทยลีก ดิวิชั่น 1 ให้ได้ ด้วยการเอาชนะคู่แข่ง 2 นัด สุดท้ายให้ได้
นัดที่ 7 : เชียงรายรำลึก / วันอาทิตย์ที่ 15 พ.ย. 2552 สนามกีฬาจังหวัดเชียงราย
หากเป็นทีมอื่น กองเชียร์อื่น ที่มิใช่ปราการ คงหมดสิ้นแล้วซึ่งกำลังใจและการตามไปช่วยเชียร์ในนัดเยือน
เชียงรายรำลึก ด้วยจำนวนตัวแทนกองเชียร์ 24 คน กับ รถตู้ 2 คัน กับ ระยะทางไปกลับ 1,628 กิโลเมตร
ไปพร้อมกับความหวังว่าจะไปเปิดซิงยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้กับกว่างซ้งมหาภัย เชียงราย ยูไนเต็ด ไปพูดให้
ใครฟัง ณ เวลานั้น คงมีแต่คนหัวเราะเยาะใส่หน้าปราการว่า "บ้าไปแล้ว" แต่สำหรับนักเตะและกองเชียร์ทีม
สมุทรปราการ เอฟซี กลับเต็มเปี่ยมล้นไปด้วยคำว่า "ศรัทธาทรนง" มิเกรงและไม่กลัวในการต่อสู้จนถึง
เวลาวินาทีสุดท้ายของการแข่งขันและพวกเราสามารถทำได้จริง ๆ กับ ผลการแข่งขันที่สะใจมาก เชียงราย 0
- 1 ปราการ ด้วยลูกยิงประตูสวยสุดงดงาม โดย วุฒิชัย ถิ่นทวี "ซุปเปอร์บอย" นักเตะหมายเลข 11ที่ลูก
บอลพุ่งเสียบประตูเข้าไปในนาที 76 ทำให้กองเชียร์เจ้าถิ่นกว่างซ้ง ที่เข้ามาชมเกมนี้กว่าเกือบหมื่นคนต้อง
เงียบกริ๊บเหมือนมีแต่กองเชียร์ป้อมปราการอยู่ในสนามเพียงทีมเดียวเท่านั้น ด้วยเสียงตะโกนเชียร์ด้วยความ
สะใจจริง ๆ กับ ณ ราตรีหนึ่ง ซึ่งยังฝังใจ เชียงรายฟ้าแจ่ม คืนนั้นวาวแวว ด้วยแสงจันทรา นภาสดใส ริมน้ำกก
เย็น ...
แม้ว่าจะมีเหตุการณ์วุ่นวายหลังจบการแข่งขัน มีกองเชียร์นิสัยไม่ดีของกว่างซ้ง (บางคน) ฝากรอยของขวด
เหล้ามาให้กับป๋าเทพของเรา เป็น รอยเชียงรายรำลึกนึกถึงอีกนาน รวมกันกับที่ฝรั่งกองเชียร์เจ้าถิ่นกวนเท้า
น้องแจ๊ค จนเกือบจะวางมวยกันในสนามบอล ต้องขอร้องและห้ามกันพักหนึ่ง
ความมุ่งมั่น และ ความหวังของปราการกลับมาแล้ว ผ่านไป 7 นัด ทำได้รวม 8 คะแนน ต้องแข่งนัดชิงดำกัน
กับนราธิวาส ที่มี 9 คะแนน เรือกอและพิฆาตเล่นเพื่อเสมอก็จะได้ไปดิวิชั่น 1 แต่ป้อมปราการต้องเล่นเพือ
ชนะเท่านั้น จึงจะมีคะแนนเหนือนรา และได้ขึ้นไปเล่นในดิวิชั่น 1 แทน
นัดที่ 8 : เรือกอและพิฆาต ทำใจป้อมปราการเละ / วันอาทิตย์ที่ 29 พ.ย. 2552 สนามบางมด
พวกเราป้อมปราการยังคาดหวังว่าจะชนะนราธิวาสในนัดสุดท้ายนี้ เพื่อชิงตั๋วไปดิวิชั่น 1 ให้ได้ แต่เป็นเพราะ
คาดหวังกันมากเกินไป จนอาจทำให้เกิดความกดดันตนเอง จังหวะ และ เวลา (Tempo and Time) ในการ
เล่นวันนั้นในสนามบางมด กลับไม่เป็นใจให้ทีมของพวกเราแต่อย่างใด ดูขาด ๆ เกิน ๆ ไปในการรับส่งลูกและ
การเข้าทำ หมดครึ่งแรกแล้วยังเสมอกัน 0 - 0 ลมาเล่นต่อในครึ่งเวลาหลัง ปราการไม่สามารถกดดันคู่แข่งขัน
ได้อย่างใจปรารถนา ครั้นสิ้นเสียงนกหวีดจากกรรมการผู้ตัดสิน ทีมงานนราธิวาสสุดแสนดีใจได้ไปดิวิชั่น 1 ด้วย
คะแนน 10 แต้ม ในฤดูกาล 2553 ตามราชประชานนทบุรี 14 แต้ม และ เชียงราย ยูไนเต็ด 12 แต้ม แต่มาใน
ปี 2553 แค่หนึ่งฤดูกาลนราธิวาสต้องตกดิวิชั่น 1 กลับลงไปเล่นในดิวิชั่น 2 เหมือนเดิมอีกครั้งในฤดูกลายหน้า ปี 2554
วาทะโค้ชป๋าแหยม : เรามุ่งหวังกับแมตช์นี้ เนื่องจากเป็นนัดที่ตัดสินสำหรับอนาคตของทีม
แต่เมื่อทุกอย่างจบลงอย่างนี้ เราก็ต้องยอมรับความจริง ซึ่งทุกคนทำเต็มหน้าที่แล้ว แต่วันนี้
ไม่ใช่วันของเราโดยต่อจากนี้เราคงต้องต่อสู้ต่อไปเพื่อเป้าหมายในปีหน้าคือขึ้นดิวิชั่น 1 ให้ได้
ส่วนสมุทรปราการ เอฟซี ทางเดินยังคงเป็นลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 อีกหนึ่งปี ในปี 2553 ด้วยคะแนน 9 แต้ม เป็นลำดับ
ที่ 4 ในจำนวน 5 ทีม 5 แชมป์ และ เลย ซิตี้ อันดับที่ 5 ด้วยคะแนน 8 แต้ม
ทันใดนั้น พลันมีเสียงตะโกนขึ้นมาจากบนอัฒจันทร์ สแตนด์เชียร์ฝั่งกองเชียร์ป้อมปราการว่า ................
"สู้ต่อไป สู้ต่อไป" ต้นเสียงแรกถ้าสมองไม่เลอะเลือน คงเป็นท่านปินตู ประมุขแห่งแก๊งค์หิมะที่ยิ่งใหญ่ใน
แผ่นดิน จากนั้นเหมือนเป็นระลอกของคลื่นเสียงที่เปล่งออกมาจากใจกองเชียร์ป้อมปราการทุกชีวิตในวันนั้น
ว่า "สู้ต่อไป สู้ต่อไป" มิมีใครสักคนที่จะย่นระย่อท้อถอย เสียใจ คือ เสียใจ เสียดาย คือ เสียดาย แต่ไม่ท้อ
ไม่ถอดใจใด ๆ ทั้งสิ้น จากนั้นเป็นเสียงดังขึ้นมาอีกครั้งของท่านปินตูว่า "สมุทรปราการ เอฟซี อยู่ดิวิชั่น 2
จะเชียร์ต่อไหม เพราะเราก็เชียร์ตอนอยู่ดิวิชั่น 2 อยู่แล้ว"
บัดนี้ใกล้ถึงเวลาสำคัญที่สมุทรปราการ จะได้ย้อนรอย มินิลีก 2009 เพื่อให้เป็นรอยยิ้มแชมเปี้ยนส์ลีก
2010 และ ป้อมปราการได้ขึ้นไปเล่นในไทยลีก ดิวิชั่น 1 ในฤดูกาลหน้าปี 2011 พร้อมกับอาจมีเสียงของ
ท่านปินตูตะโกนขึ้นมาในนัดที่ 10 รอบแชมเปี้ยนส์ลีก 2010 วันเสาร์ที่ 25 ธ.ค. 2553 สนามกีฬาสุระกุล
จังหวัดภูเก็ต นัดเยือน ภูเก็ต - สมุทรปราการ ว่า ........................................
"พวกเราป้อมปราการจะเชียร์กันต่อไหม ถ้าสมุทรปราการ เอฟซี อยู่ดิวิชั่น 1"
ทุกคนในวันนั้นต้องตะโกนโดยพร้อมเพรียงกันจากหัวใจปราการว่า "เชียร์"