*****ต้องขอโทษพี่เหน่งมากๆครับ ที่เข้ามาแทรกแซงในกระทู้พี่เพราะกระทู้นี้เป็นกระทู้ที่กระตุ้นให้เหล่าชาวป้อมปราการไปโปรโมท สโมสรฯ แต่เนื่องจากได้มีการยกเลิกการจัดงานกระทันหัน ตามลิงค์ที่ผมแนบมาhttp://www.samutprakanfc.com/webboard/index.php?topic=11306.0 จึงต้องมารีบแจ้งนะครับ ขอโทษทุกคนด้วย และขอความกรุณาอ่าน บทความของพี่เหน่งให้จบด้วยนะครับ เพราะเป็นบทความที่กลั่นกรองมาจากมันสมอง และข้อมูลที่แน่นปึ๊กควรค่าแก่การรับรู้ ขอบคุณพี่เหน่งมากครับ*****
พี่อี๊ด/raiders
วันนี้วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2554 วันนี้เมื่อวันวาน 2 ปีที่แล้ว คือ วันพุธที่ 2 กันยายน 2552 ตั้งแต่ย่ำค่ำ 3 ทุ่ม เป็นต้นไป ณ 4 X 4 Off Road สถานบันเทิงยามราตรี ริมถนนศรีนครินทร์ เหล่ากองเชียร์ป้อมปราการ
จำนวนมากมายเต็มแน่นสถานที่จัดงาน ต่างเดินยิ้มแย้มเข้ามาทักทายกันอย่างสรวลเสเฮฮา พร้อมกับตั๋วเข้าชมและฟังคอนเสิร์ตบ่าววี คุณวีรยุทธิ์ นานช้า อดีตนักเตะหมายเลข 33 สมุทรปราการ เอฟซี ในฤดูกาลปี
2009 / 2552 คอนเสิร์ตครั้งนั้นจัดขึ้นมาเพื่อหาเงินช่วยทีมป้อมปราการหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว บัดนี้ เวลาไม่ช้าไม่นานสักเท่าไร ด้วยแรงเหวี่ยงสะบัดพัดปลิวของการหมุนติ้วของโลก หรือ จะเป็นด้วยแรงลม
เพลมพัดกลับตาลปัตรแห่งกรรมลิขิตของมวลหมู่สัตว์โลกแต่ละตัวตน ซึ่งได้กระทำการสะสมไว้เป็นอานิสงส์ผลบุญ เพื่อความสุขความเจริญแห่งตนเอง ทำให้กล่าวได้ว่า ไม่มีสิ่งใดในโลกจีรังยั่งยืน สุดท้ายจึงไม่รู้ว่า
ระหว่าง ขอนไม้ กับ เรือ สิ่งใดจะแตกย่อยยับอับปางสูญสิ้นไปก่อนกันในท่ามกลางกระแสคลื่นพายุบุแคมของไต้ฝุ่น ตาลัส (Talas) ในขณะนี้ และอีกหลาย ๆ ลูก ที่อาจจะมีกระหน่ำเข้ามาอีก เรืออาจจะล่มจมดิ่งสู่
ก้นทะเลก่อนขอนไม้ เพราะบัดนี้อดีตนักเตะหมายเลข 33 เลือดฟ้าเทาทหารอากาศบ่าววี ได้กลายเป็นอากาศธาตุไร้ตัวตนและจิตใจไปหมดแล้วสำหรับกองเชียร์ป้อมปราการเลือดฟ้าขาว เมื่อบ่าววี พ.อ.ท. วีรยุทธิ์
นานช้า ได้หันคันบังคับเครื่องบินตีปีกเลี้ยวเป็นวงก่อนจะดีดตัวเองออกมาจากเครื่องบินลำนั้น เพื่อมุ่งหน้าเพื่อชีวิตเป็นกลาสีลูกเรือเป็นนักเตะหมายเลข 12 ของเรือสำราญลำสีแดง โดยมีเสียงร้องเพลงคลออวยพร
ของนักเตะหมายเลข 12 ตัวจริงเสียงจริงของกองเชียร์ฟ้าขาว ซึ่งเพลงไหน ๆ ก็คงไม่เข้าใจและซึ้งใจยิ่งไปกว่าเพลงขอนไม้กับเรือของบ่าววีเอง ในท่อนที่ว่า
หากมีเรือสักลำแล่นมา ก็ขอให้เธออย่าช้าขึ้นเรือนั้นไป
เปรียบกับพี่เป็นแค่ขอนไม้ ต่อให้รักเจ้ามากเพียงไหน ผุพังไปพึ่งพาก็ได้ไม่นาน
เรือสำราญสีแดงแล่นผ่านเลยไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะออกทะเลกู่ไม่กลับ หรือ กัปตันและต้นหนเรือจะกำหนดพิกัดไม่ถูกต้อง ทำให้แผนที่เดินเรือสำราญนั้นคลาดเคลื่อนไป ก็ต้องคอยฟังรายงานข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยา
ส่วนขอนไม้สีฟ้าขาวหมายเลข 12 นั้นเล่า จะทำเยี่ยงไรกัน จะปล่อยให้กองเชียร์ป้อมปราการเป็นได้แค่เพียงเนื้อเพลงเพื่อชีวิต ขอนไม้กับเรือ อย่างนั้นหรือ เพลงเพื่อชีวิต ไม่รู้ว่าเพื่อชีวิตใครกัน
โดดเดี่ยวเดียวดายในท้องเล ลมพัดลมเพไปตามกระแส ขอนไม้อ่อนแอจะไปไหนไกล
ไม่อยากให้จมไปด้วยกัน ไม่อยากให้ฝันเจ้าต้องสลาย เมื่อพี่จมหายให้เจ้ายังมีหวัง
แต่คงไม่ใช่เพื่อชีวิตกองเชียร์ป้อมปราการเป็นแน่แท้ เพราะในท่ามกลางกระแสคลื่นพายุลมแรงหากว่าเรายังมีใจ พร้อมให้ใจกัน ใจเราก็จะแกร่ง ไม่กลัว ไม่ท้อแท้ ไม่ท้อถอย ใจสู้ สู้ และ สู้ คนลอยคอที่เกาะเกี่ยว
ขอนไม้กลางทะเล เมื่อพายุสงบ เมื่อหายเหนื่อย เมื่อหายกลัว เมื่อหายตระหนก เราจะกลับมาเข้มแข็งและแข็งแกร่ง หาทางว่ายกลับเข้าหาฝังฝันอีกครั้ง ขอนไม้มากมายที่เกาะลอยคอมาด้วยกันกลางทะเล จะนำ
มาตากแดดให้แห้งแล้ว สามารนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีก ไม่ว่าจะผ่าขอนไม้เป็นเชื้อเพลิงเชื้อไฟให้ความหวังลุกโชนขึ้นมาใหม่ ขอนไม้ขนาดใหญ่อาจนำมาต่อเติมสร้างเรือลำใหม่สีฟ้าขาวของเราได้ อาจจะไม่ใช่
เรือสำราญบานฤทัย แต่มันจะขึ้นชื่อว่า เรือของเรา เรือปราการ เอฟซี จะพาเราออกสู่การผจญภัยท่องท้องทะเลกว้างใหญ่ไพศาล ได้อีกครั้งอย่างสนุกสนานแน่นอนในฤดูกาลหน้าปี 2012 / 2555
ในค่ำคืนวันพุธที่ 2 กันยายน 2552 นั้น ได้มีอีกหนึ่งบุรุษสูงใหญ่ใจดี ก็ได้ร้องเพลง ขอนไม้กับเรือ นี้ บนเวที บุรุษผู้นั้น คือ คุณสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ คนปากน้ำโดยกำเนิด ผู้เป็นนักธุรกิจนำเข้าสินค้า
ของเด็กเล่นจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในไทยในนาม ห้างหุ้นส่วนจำกัด ก.เจริญ ต่อมาได้เปิดร้านผลิตของเล่นเป็นของตนเองได้ที่ย่านสะพานควายได้ขยายกิจการเรื่อยมาจนก่อตั้ง โรงงานมงกุฏทองผลิตภัณฑ์
ด้วยสินค้าของเด็กเล่นที่รู้จักกันในชื่อ "ดรีมทอยส์" และ "ไทยทอยส์" ยังขยายธุรกิจการค้าปลีกจากการซื้อกิจการและปรับปรุง ห้างปีเตอร์ แพน ฝั่งโรงหนังสำโรงรามามาเป็นห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล สำโรง ก่อน
ที่จะสยายปีกแข็งแกร่งบินข้ามฟากฝั่งฝันมาสร้างและตั้งเป็นอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง The All In One เลขที่ 999 ในปัจจุบันโดยกลุ่มบริษัทอิมพีเรียลภายใต้การบริหารงานโดยคุณสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ กรรมการผู้
จัดการใหญ่ และ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์, คุณพรชัย ศรีประไพ รองกรรมการผู้จัดการ อาวุโส, และ คุณโอฬาร กิจเลิศไพโรจน์ ผู้จัดการทั่วไป เคยเดินทางไปชมสมุทรปราการ เอฟซี และได้ยิน
ได้ฟังการเชียร์ของกองเชียร์ป้อมปราการหลายต่อหลายนัดแล้วในรอบแชมเปี้ยนส์ลีก 2010 ฟอร์ซ่า สเตเดี้ยม พร้อมทีมงานเจ้าหน้าที่และพนักงานในกลุ่มบริษัทอิมพีเรียลได้กรุณาช่วยเหลือทีมสมุทรปราการ เอฟซี
ด้วยการให้พื้นที่ ณ ลานเทอเรซหน้าห้าง ประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่าง ๆ ของสโมสรฯ พร้อมการจำหน่ายสินค้าที่ระลึกต่าง ๆ มาจำหน่ายในงานนี้ด้วย ในวันเสาร์ที่ 03 กันยายน 2554 เริ่มเวลา 13.00 - 19.00 น.
ถือว่าปราการ เอฟซี มีโอกานดีในการเป็นส่วนหนึ่งของงาน Imperial Sports World Grand Sale ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม - วันที่ 4 กันยายน 2554 ณ แกรนด์ฮอลล์ ชั้น 1
ใคร่ขอความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ กับ เหล่าขอนไม้มีชีวิตและจิตใจของกองเชียร์ป้อมปราการฟ้าขาวทุกท่าน ที่พอจะมีเวลาว่างในช่วงเวลาจัดงานข้างต้นจะ 1 นาที จะ 1 ชั่วโมง หรือ หลายชั่วโมงก็ตามแต่สะดวก มา
ช่วยกันจัดงาน มาช่วยกันประชาสัมพันธ์ มาช่วยกันเป็นเจ้าของงาน มาช่วยกันแบ่งปันความภาคภูมิใจในความเป็นปราการ เอฟซี ด้วยกัน มาดูซิว่า "มุมที่ 3" มุมกีฬา จะเข้ากันได้ดีกับมุมแห่งการพักผ่อนหย่อนใจ
ตามแนวความคิดของทางอิมพีเรียลเวิลด์ ได้หรือเปล่า ไม่อยากให้พี่อี๊ด / raiders โต้โผของงานนี้ หรือ กองเชียร์ท่านหนึ่งท่านใด ต้องโดดเดี่ยวเดียวดายในท้องเล เพราะเพื่อนพ้องน้องพี่กองเชียร์ป้อมปราการ
ทุกท่าน มิใช่เป็น ขอนไม้ที่ตายซาก แต่กองเชียร์ป้อมปราการฟ้าขาว เป็น กล้าไม้ที่กำลังเติบโตและแข็งแกร่งกว่าเดิม ไม่ใช่ขอนไม้ที่ตากซาก ลอยเท้งเต้งอยู่กลางทะเล
ขอขอบคุณความมีน้ำใจในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของกองเชียร์ปราการ เอฟซี ด้วยกัน ไม่ว่าแค่จะมาแวะ จะมาช่วยงาน จะมาร่วมงานด้วยกันตั้งแต่เริ่มงาน จนจบงาน เพราะเข้าใจดีว่าพวกเราหลาย ๆ ท่านต้อง
ปฏิบัติงานกันในวันเสาร์กว่าจะเลิกงานบางทีก็ห้าโมงเย็นแล้ว ก็อย่างที่พี่หนุ่ม .. โว๊ .. ย กล่าวว่า "เลิกงานแล้วจะตามไปสมทบครับ น่าจะถึงซัก 5 โมงเย็น ถ้าไม่เหลืออะไรให้ช่วย อย่างน้อยได้ช่วยเก็บของก็ยังดี"
เชื่อมั่นว่าในการร่วมมือ ร่วมใจกันช่วยงานในครั้งนี้ของพวกเรากองเชียร์ฟ้าขาว ปราการ เอฟซี แบบปิดทองหลังพระ จะส่งผลบุญให้เกิดอานิสงส์ให้หลวงพ่อแย้ม วัดด่านสำโรง ที่สร้างขึ้นมาเมื่อประมาณ พ.ศ. 2320
ในปลายสมัยกรุงธนบุรี และ ทางการได้เคยมาตั้งด่านเก็บภาษีบริเวณใกล้วัด จึงเป็นที่มาของชื่อวัดและบ้านว่า "ด่านสำโรง" หลวงพ่อแย้มคงได้แอบยิ้มกับความตั้งใจความน่ารักของพวกปราการ เอฟซี เป็นแน่แท้
ก่อนที่หลวงพ่อแย้มจะส่งพระเมตตาส่งกระแสจิตบอกว่า ด่านสำโรง ด่านสำคัญ ให้สมุทรปราการ เอฟซี และ กองเชียร์ป้อมปราการ ไปต่อได้ในปีหน้าและปีต่อ ๆ ไป ด้วยการผ่านโล่งเขียวตลอดปลอดโปร่งโดย
ไม่มีติดแดงใด ๆ ให้ระคาญใจแต่อย่างใด เพราะ ความเป็นหนึ่งเดียว ฟ้าขาวใจปราการ
สวัสดี บุคคลทั่วไป!