จะไปทำไมกันอีกหรือ ในวันเสาร์ที่ 7 เดือน 7 ปี 2555
ไม่เข็ด ไม่เจ็บ ไม่จำ หรืออย่างไร กับ ผลการแข่งขัน สมุทรปราการ เอฟซี 1 - 5 อยุธยา เอฟซี เลกแรก ปี 2012
นั่นเป็นผลงานที่ดูเหมือนจะสุดเลิศล้ำหรูหราอลังการของอยุธยา เอฟซี ที่มีต่อสมุทรปราการ เอฟซี ทีมและกองเชียร์ที่เปรียบเสมือนเป็นดั่งคู่รักคู่แค้นแน่น
ทรวงของนักรบกรุงศรีในทุกปีในทุกฤดูกาลลีกภูมิภาค โซนภาคกลางและตะวันออก เมื่อทั้งสองทีมต้องโคจรมาพบกัน จะบังเกิดความมันในระดับมันหัวเสือ
ที่อยากเตือนให้ทีมคู่แข่งขันของป้อมปราการอย่าได้ปรามาสว่า ป้อมปราการในปี 2555 นี้ เป็นได้เพียงทางผ่านให้กับทีมหัวตารางเท่านั้น โปรดระวัง
สมุทรปราการ เอฟซี ให้ดี ค่ำนี้อาจเป็น "เสือซ่อนเล็บ" ที่จะตะปบไล่ตะครุบนายพรานมือใหม่อย่างนักรบกรุงศรีให้แดดิ้นสิ้นใจอย่างอเนจอนาถ
ก่อนจะพากันส่งเสียงกระซิบกระซาบเป็นเสียงสุดท้ายให้รู้กันในหมู่นักรบกรุงศรีด้วยความสลดหดหู่ใจอย่างแผ่วเบาก่อนหมดลมว่า "ป้อมปราการ ตีกรุง
แตกแหลกสลายในบ้านเราอีกนัดแล้ว"
ขุนพลนักเตะสมุทรปราการ เอฟซี กับ กองเชียร์ป้อมปราการ ที่ต้องปราชัยพ่ายศึกในเลกแรก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม 2555 ทำให้สมาชิกในครอบครัว
ปราการ เอฟซี ถูกไล่ต้อนไปราวกับต้องระวางโทษเป็น "ตะพุ่นช้าง" เป็นคนเกี่ยวหญ้าเลี้ยงช้างหลวงในเพนียดโรงโขลงช้างในอยุธยา ได้แต่ต้อง
ก้มหน้มก้มตาทำใจเข้าข่ม ศึกษารายละเอียดลักษณะอุปนิสัย จุดแข็งจุดอ่อนจุดด้อยต่าง ๆ ของเหล่าช้างคชสารตกมันฟาดงวงฟาดงาส่งเสียงร้องแปร๋แปร้น
แต่ "ตะพุ่นช้าง" ป้อมปราการก็มิได้หวาดหวั่นหรือกลัวเกรงช้างตกมันอย่างไร ด้วยมีผู้ใดไหนเล่้าจะเข้าใจละเอียดยิบทั่วทุกรูขุมขนของตัวช้างไปยิ่ง
กว่าคนเลี้ยงช้างอย่างปราการ เอฟซี
และแล้ว อดีตในนัดแรกก็ผ่านไปจนมาถึง วันเสาร์ที่ 7 เดือน 7 ปี 2555 ค่ำนี้ตอนนี้ คือ ปัจจุบัน ที่คนเกี่ยวหญ้าเลี้ยงช้างอย่างป้อมปราการ จะรอ
โอกาสทองได้พิสูจน์ความเป็น "ป้อมเพชรปราการ" ที่ของแท้ดั่งเพชรนั้นต้องเป็นป้อมปราการในจังหวัดสมุทรปราการเท่านั้น โดยพากันอาสาศึก
เป็นเสไปพระนครศรีอยุูธยา เพื่อกำหราบ เพื่อกุดงาคชสาร ให้ลดตกมัน ให้สำหนียกว่า เหนือฟ้าน้ำเิงินยังมีฟ้าขาว เหนือนักรบกรุงศรียังมีนักลบปราการ
ค้ำอยู่ ภาพเหล่านั้น ผลงานเหล่านั้น เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนเป็นดั่งสิทธิบัตรรับรองความเป็นนักสู้ปราการสิบทิศที่พิชิตผลงานที่ว่ายากแสน
ยากมานักต่อนัก ป้อมปราการย้ำผลงานสุดมันอลังการอีกครั้งในค่ำคืนวันที่ 7 เดือน 7 เหนือ นักรบกรุงศรี ให้ต้องเจ็บ ให้ต้องจำกันไปยาว ๆ พร้อมกับเสียง
ร้องเพลง "น้ำตาฟ้า" คลอเคล้าน้ำตาอาบแก้มรินไหลสู่พื้นปฐพีแผ่นดินโยธยา โดย สามธงสามเวอร์ชั่น คือ ธงชัย ประสงค์สันติ, ธงไชย
แมคอินไตย์, และ ธงชัย สุขโกกี ว่า ......... อีกแล้วหรือ เจ้าตะพุ่นช้าง ทำให้ยุดยาเอวัง วังเวงอกแตกตาย เป็นยุดยาเมืองที่แพ้พ่ายอีกครั้งอีก
คำรบ ให้นักรบกรุงศรีต้องนับถือและเคารพฝีมือฝีเท้า ด้วยคนเลี้ยงช้างอย่าง ปราการ ฉะนี้