นักเลงคีย์บอร์ด: พลังขับเคลื่อนที่ไม่อาจมองข้าม
นับตั้งแต่การก่อกำเนิดของเวบไซต์แฟนฟุตบอลไทยอย่าง thaifootball.com และ cheerthai.com เมื่อ 9 ปีที่แล้ว เรื่อยจนมาถึงเวบไซต์รุ่นต่อมาเช่น thaifootball.org ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาเป็น thailandsusu.com จนดังเปรี้ยงปร้างอย่างทุกวันนี้
ไม่นับเวบไซต์คลื่นลูกใหม่อย่าง cheerballthai.com และเวบไซต์สโมสรต่างๆ ที่มีคนเข้าไปเยี่ยมชมมากหน้าหลายตา
ผู้คนในวงการฟุตบอลรุ่นเดอะ รวมทั้งสื่อมวลชนแขนงดั้งเดิมทั้งโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ คงปฏิเสธไม่ได้แล้วล่ะว่า บรรดา "นักเลงคีย์บอร์ด" ที่หลายต่อหลายคนดูแคลน มาบัดนี้ ได้กลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ฟุตบอลอาชีพบ้านเราเริ่มตั้งไข่พัฒนากันอย่างจริงจังเสียที
แม้จะมีปัจจัยภายนอกมาช่วยเสริม อย่างเช่น กฏเหล็กของเอเอฟซี ที่กำหนดให้สโมสรและสมาคมฟุตบอลฯต้องมีรูปแบบการจัดการที่ชัดเจนและโปร่งใสมากขึ้น แต่บทบาทของแฟนบอลก็ยังเป็นส่วนช่วย "ริเริ่ม" และ "เติมเต็ม" ให้ฟุตบอลอาชีพของไทย ไม่เป็นเพียงแค่ความฝัน
เมื่อสมัย 6 ปีก่อน(ด้วยเหตุบังเอิญแกมตั้งใจ) ผู้เขียนได้มีโอกาสพบปะผู้บริหารสมาคมฟุตบอลฯ ในสมัยนั้นเป็นครั้งแรก โดยไปในฐานะ "นักเลงคีย์บอร์ด" ที่อยากหลุดออกมาจาก "โลกไซเบอร์" เพื่อแสดงตัวตนว่ามีอยู่จริง ผู้บริหารฯ ในสมัยนั้น ต่างไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่ "นักเลงคีบอร์ด" เสนอให้มีการรวมเอา "ไทยลีก" และ "โปรวินเชี่ยลลีก" เข้าไว้ด้วยกัน และก็ไม่เห็นด้วยว่า การทำฟุตบอลอาชีพ จะไปสัมพันธ์กับการยกระดับฟุตบอลไทย ได้อย่างไร
หนักไปกว่านั้น อดีตหนึ่งในกรรมการสมาคมท่านหนึ่งที่เอ่ยชื่อแล้วต้องร้องอ๋อ ได้ดูแคลนว่า "เว็บซ๊ง เวบไซต์ อะไร ผมไม่สนใจ นั่งเขียนด่าอยู่ที่บ้านใครๆ ก็ทำได้"
มาถึงวันนี้ "นักเลงคีย์บอร์ด" ทั้งหลาย ทั้งที่กระจายและกระจุกในเวบไซต์ดังที่กล่าวมาแล้ว ต่างก็พิสูจน์แล้วว่า พวกเขาคือส่วนสำคัญอย่างแท้จริง ในการผลักดันให้เกิดฟุตบอลอาชีพในเมืองไทย
แฟนบอลทั้งหลาย ต่างใช้เวทีแห่งโลกไซเบอร์ เป็นจุดนัดหมายและนัดพบ พวกเขาทุ่มทุนติดตามไปเชียร์ทีมที่ตัวเองมีใจให้ ลงทุนออกแบบและผลิตอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โลโก้ สติ๊กเกอร์ เสื้อยืด ธง ป้าย ผ้าพันคอ แตรทำเอง กำรี้กำไรแทบไม่ค่อยมี เพราะขายบางแจกบ้าง บวกกับความอ่อนประสบการณ์บริหารในเชิงพานิชย์ ...แต่ทั้งหลายทั้งปวง ก็เพื่อเพิ่มสีสันในสนามบอล เพื่อสร้างจุดขายในคนในวงกว้างเข้ามา "อุดหนุน" ฟุตบอลไทยกันมากขึ้น
เมื่อ1-2 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นแฟนบอลของทีมสโมสรชั้นนำช่วยกันทำให้เกิดกระแสบอลไทยขึ้นมา และพอจะแย่งเนื้อที่ข่าวที่มีมูลค่ามหาศาลได้พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นแฟนบอลของทีมชลบุรีเอฟซีในยุคก่อตั้ง แฟนบอลที่อยุธยาของทีม กฟภ. และแฟนบอล "สีฟ้า" ของทีม "ปลาทูคะนอง" สมุทรสงครามอันโด่งดัง
มาปีนี้ ความเหนียวแน่นของแฟนบอลทีมที่กล่าวไปแล้ว ยังคงเหนียวแน่น และไม่น้อยไปกว่าเดิม ... ฟุตบอลลีกของไทย โชคดีมากขึ้นไปอีก ที่แฟนบอลของสโมสรใหม่และเก่า อย่างเช่น เมืองทองยูไนเต็ด บางกอกลาส บีอีซีเทโร ราชนาวีระยอง และพัทยายูไนเต็ด รวมตัวกันติดและเหนียวแน่น ทำให้บรรยากาศไทยลีกตื่นเต้นมากกว่าเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว เป็นทวีคูณ
มาถึงวันนี้ ผู้คนในวงการฟุตบอล ได้เห็นสัจธรรมแล้วว่า "โลกย่อมหมุนไป และคุณต้องตามให้ทัน"
มาถึงวันนี้ ผู้คนในวงการฟุตบอล ต้องยอมรับโดยดุษฎีว่า "แฟนฟุตบอลนั้น คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญของฟุตบอลไทย อย่างแท้จริง" ... ผู้เขียนขอปรบมือดังๆ ให้ "นักเลงคีย์บอร์ด" ทั่วฟ้าเมืองไทย ที่แสดงความกล้าออกมามีตัวตนอยู่จริง ไม่ใช่แค่ในโลกไซเบอร์เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ความหลงระเริงในความมีตัวตนจนยึดเอาตัวเองเป็นใหญ่ ไร้การควบคุม และขาดสติในการดึงรั้งตัวเอง ทำให้เกิดปัญหาการกระทบกระทั่งกันในหมู่แฟนบอลทีมต่างๆ หรือการด่าทอกรรมการอย่างไร้เหตุผลและขาดมารยาท กำลังเป็นแฟชั่นที่คืบคลานมาถึง และอาจจะเป็นรอยด่างในสังคมฟุตบอลไทย
...ถือเป็นบททดสอบสำคัญของเหล่าบรรดา "พลังขับเคลื่อน" ทั้งหลาย
..................................
พินิจ งามพริ้ง
เชียร์ไทยดอทคอม[/size]