ในเกมส์นัดหนึ่ง ๆ นักเตะและกองเชียร์ป้อมปราการต้องเจอและต่อสู้กับอะไรบ้าง
1. คู่แข่งขัน และ / หรือ ผู้ตัดสิน
นักเตะทีมคู่แข่ง คือ สิ่งที่มีตัวตนและมองเห็นได้ด้วยตา แต่บางคราเราก็ต้องต่อสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็นแต่ได้กลับแว่วได้ยินเสียง
หวีดร้องโหยหวนเหมือนเปรตขอส่วนบุญอยู่ในสนามตลอดเวลา โดยเฉพาะนัดที่ 6 ซึ่งเป็นวันพระเพราะตรงกับวันเพ็ญขึ้น 15
ค่ำเดือน 12 น้ำตานองตลิ่งริมฝั่งคลองสนามกรมศุลกากร เพราะต้องแข่งขันกับชัยนาท เอฟซี นกใหญ่พิฆาต ซึ่งไม่รู้ว่าเป็น
"นก"สายพันธุ์สืบเชื้อชาติตระกูลเดียวกันมาหรือเกี่ยวข้องกันเป็นญาติกันมาตั้งแต่ปางชาติไหนกับกรรมการผู้ตัดสิน นกหวีด
มัจจุราช ถึงได้กล้าตัดสินลงไปเยี่ยงนั้นในสามประเด็นข้อกังหาคาใจ
ลูกที่ "เดอะ มัส" ชมนันท์ สุขเกษม (14) ถูกทำฟาล์วจนได้รับบาดเจ็บหนักถูกเปลี่ยนตัวออกไปในจังหวะที่จะพาลูกบุกเข้าทำ
ประตูกับตัวสุดท้ายของชัยนาทโดยกรรมการใจดีมิได้ให้ใบแดงแก่นักเตะชัยนาทผู้นั้น กับจังหวะที่ปล่อยให้นักเตะชัยนาทเล่นรุน
แรงเป็นอันตรายต่อเพื่อนร่วมอาชีพ โดยเหยียบย่ำเข้าที่บนใบหน้าของอามัวห์ ไอซีค / Amoah Iseek (24) จนถึงกับเลือด
ทะลักออกปาก ตาค้าง ต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัว โดยผู้ตัดสินใจดีอีกแล้วไม่ตะเพิดนักเตะชัยนาทออกไปสงบสติ
อารมณ์นอกสนามซึ่งคงแก้ตัวว่าไม่ได้ตั้งใจทำจริง ๆ และ ลูกจุดโทษเจ้าปัญหาที่กรรมการมีความเด็ดเดี่ยวและเฉี่ยบขาดมากใน
การตัดสินใจโดยมิได้มีอาการลังเลในการวินิจฉัยให้ชัยนาทได้ลูกโทษลูกนั้นไปอย่างไม่รีรอ
นักเตะประเภทเตะหนัก เตะติดดาบ เล่นตุกติก จะไม่ค่อยกล้าทำหากผู้ตัดสินจะทันเกมส์ ปรามซะตั้งแต่ต้น หรือ แจก ใบเหลือง
เป็นการเตือน หรือ ควักใบแดงเพื่อเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม แต่ก็มีกรรมการบางท่านกลับทำเป็นหูทวนลม ไม่ได้ยินเสียงสาบ
แช่งก่นว่า เหมือนเป็นการไปให้ท้ายแก่นักแตะทีมใดทีมหนึ่งเป็นการยุยงเสริมส่งให้เกิดความรุนแรงในเกมส์แข่งขันขึ้นไปอีก
2. กองเชียร์คู่แข่งขัน ต้องยอมรับกันก่อนว่าส่วนใหญ่กองเชียร์ของแต่ละทีมนั้นดีตั้งใจมาดูบอลเชียร์บอลกันจริง ๆ โดยเฉพาะ
กองเชียร์ที่ติดตามทีมออกไปดูนัดเยือน กองเชียร์ชัยนาท เอฟซี เหล่าพิงค์ เรนเจอร์ ก็น่าจะอยู่ในเกณฑ์นี้ เขาเชียร์ของเขา ส่วน
เราเหล่าป้อมปราการก็มีหน้าที่เชียร์ของเรากันไป แบบนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกัน
3. กองเชียร์ป้อมปราการ ตอนมีกองเชียร์ป้อมปราการน้อยนิด พวกเราต่างคาดหวังว่าหากวันหนึ่งกองเชียร์เราเพิ่มจำนวนมาก
ขึ้นการเชียร์เราคงจะยิ่งใหญ่อลังการมากขึ้นแต่หลาย ๆ นัดในบ้านกลับรู้สึกว่ายิ่งใหญ่ยิ่งหย่อน ยิ่งใหญ่ยิ่งแย่ ยิ่งใหญ่ยิ่งเหยาะแหยะ
ยิ่งใหญ่ยิ่งเล็กลง ยิ่งใหญ่ยิ่งไม่รักกัน ใคร ๆ ถึงคิดว่าตนอยากจะทำอะไรก็ทำกันลงไป เพราะไม่ค่อยแคร์ความรู้สึกของเพื่อน ๆ
กองเชียร์คนอื่นบ้าง
ถามจริง ๆ เถอะว่ากองเชียร์ที่ยืนกันเต็มสองสแตนด์ซ้ายขวา ส่งเสียงร้อง ตะโกนเชียร์ กันอย่างจริง ๆ จัง ๆ กันสักกี่มากน้อยคน ถ้า
จะมาดูบอลกันอย่างเดียว โดยไม่ส่งเสียงเชียร์กันเลยตลอดเกมส์ คนหนึ่งทำได้เพราะเป็นสิทธิ คนข้าง ๆ ซ้ายขวาท่านก็คงมีสิทธิ
ทำอย่างเดียวกันได้ อีกหน่อยคนรอบกายท่านทั้งหมดก็คงคิดแบบเดียวกันได้เหมือนกันเพราะมันก็เป็นสิทธิของแต่ละคน ถ้าอย่าง
นั้น คงต้องหันกลับมาทบทวนคำว่า "90 นาที ไม่มีหยุด สุภาพบุรุษสมุทรปราการ" กันใหม่แล้ว เพราะมันเริ่มไม่ใช่ มันเริ่ม
ไม่ขลัง มันเริ่มไม่เป็นความจริงอีกต่อไปแล้วอย่างนั้นหรือ
มาถึงสนามกรมศุลกากรเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 พ.ย. 2553 ปาเข้าไปเกือบค่อนครึ่งแรกแล้วได้สัก 30 กว่านาที เหตุเพราะมีไข้ไอ
เจ็บคอ และต้องไปทำธุระเรื่องบ้านด้วย ได้เข้าไปยืนดูอยู่ตรงช่องว่างระหว่างสองสแตนด์เจอสหายโอ๋ สหายต้น พี่หรั่ง รีบถามผล
สกอร์ก่อนว่าเป็นอย่างไร น้อง ๆ บอกว่าปราการโดนนำไปแล้ว 0 - 1 ได้แต่พูดให้กำลังใจไปว่าใจเย็น ๆ เดี๋ยวปราการค่อย ๆ เล่น
กันไปปราการคงจะตามตีเสมอได้ซึ่งจะทำให้ปราการเล่นได้ง่ายขึ้นด้วยความสดของปราการที่มีมากกว่า
ต้องขอบอกกล่าวกันก่อนว่า นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ไปดูบอลปราการที่สนามแล้วไม่ได้ขึ้นไปยืนบนสแตนด์ช่วยส่งเสียงเชียร์พร้อม
กับเพื่อน ๆ ทำให้มีโอกาสได้ยินเสียงเชียร์จากทั้งสองสแตนด์ซ้ายขวา คือ กระท่อนกระแท่นและไม่หนักแน่นเอาเสียเลยไม่ว่าจะ
เป็นเสียงร้องตะโกนเชียร์หรือเสียงกลอง ดูมันโหรงเหรง เบาโหวงเหวงและแปร่ง ๆ เหมือนกับไม่มีชีวิตจิตใจหึกเหิมอย่างไรก็ไม่รู้
พอหมดเวลาครึ่งแรกเข้าไปนั่งคุยที่สแตนด์หลักซ้ายมือ ได้คุยกับพี่วิ มือกลอง พี่วิบอกว่ากลองของพี่วิเองซึ่งเป็นกลองนำกลอง
หลักเสียงแน่นตีดังกระหึ่มไม่ได้นำมาด้วยเมื่อวานนี้และที่มีอยู่เพียง 2 ใบ เสียงกลองก็ไม่แน่น ตีกระหน่ำก็ไม่ดังกระหึ่มอย่างที่ใจ
ต้องการจึงอยากให้ความสำคัญกับกลองซึ่งเป็นอุปการ์สำคัญที่สุดในเสริมส่งการร้องตะโกนเชียร์มิใช่เครื่องมือสื่อสารวิทยุไฮเทค
ล้ำเลิศสูงค่าแต่ไม่ได้ใช้งานจริงแต่อย่างใด คงต้องเป็นเครื่องมือสื่อสารจากใจถึงใจ ส่วนกบผู้นำเชียร์ก็พยายามพูดกระตุ้นให้กอง
เชียร์ช่วยกันร้องตะโกนเชียร์ "90 นาทีไม่มีหยุด สุภาพบุรุสมุทรปราการ" แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะมี
การหยุดส่งเสียงเชียร์กันเป็นระยะ ๆ เชียร์กันแบบกระท่อนกระแท่นไม่ต่อเนื่องและจริงจัง หรือ ต้องรีบกลับมาพิจารณาทบทวนกัน
อีกครั้งด้วยเสียงกองเชียร์ได้ยินชัดที่สุดบนสแตนด์เชียร์มิใช่เสียงร้องตะโกนเชียร์อย่างที่เคยเป็นมาแต่กลับกลายเป็นเสียงด่าทอ
และตะโกนคำหยาบคายออกมาอย่างสุดพลังของกองเชียร์แค่บางคนเท่านั้น อีกทั้งยังขว้างปาลงมาจากสแตนด์ขวามืออีก มิ
หน่ำซ้ำยังเห็นกองเชียร์บางท่านเหยียบรั้วด้วยขาข้างหนึ่ง ส่วนขาอีกข้างหนึ่งก้าวพาดขึ้นไปเหยียบบนหลังคาไฟเบอร์กลาสตรง
บริเวณที่ซุ้มม้านั่งสำรองของสมุทรปราการ เอฟซี ซึ่งมีโค้ช ทีมงาน และ นักเตะปราการนั่งกันอยู่ และทุกครั้งก็จะเห็นมีการนำพวง
มาลัยมาคล้องสักการะภายในซุ้มม้านั่งเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นและมั่นใจ จนเสธ.อี๊ด ต้องขอให้น้องเอ็กซ์ เจ้าหน้าที่การ์ดและผู้ช่วย
ผู้นำเชียร์เข้าไปขอร้องให้เลิกการกระทำที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวนั้น
ด้วยพวกเราเพื่อนพ้องน้องพี่กองเชียร์ป้อมปราการที่ต่างบอกกันว่า เราคือคนในครอบครัวปราการ เริ่มลืมตัวและละเลยว่าอะไร
คือสิ่งที่กองเชียร์ต้องทำหรือสมควรทำถ้ามีโอกาสในการชมและเชียร์บอลปราการแข่ง พวกเราหลาย ๆ คน อาจจะลืมตัวลืมหน้าที่
ที่สำคัญที่สุดของความเป็นกองเชียร์ป้อมปราการกันไปแล้ว
พวกเรากองเชียร์บางท่านเริ่มทำตัวกลายเป็น "กระทงหลงทาง" ที่ได้แต่ถูกปลดปล่อยลงไปในลำธาร ห้วย หนอง คลอง
บึง แม่น้ำก่อนที่ "กระทงหลงทาง" แต่ละใบนั้นจะลอยล่องไปอย่างไร้ทิศทางก่อนไหลออกสู่ทะเลกว้าง ถ้า "กระทงหลงทาง"
ใบนั้น ๆ ยังคงมีเรี่ยวแรงพอไปต่อและไม่จมดิ่งสู่ก้นบึ้งใต้พื้นกระแสธาราไปเสียก่อนอาจจะเริ่มค้นพบความจริงในโลกชีวิตนี้และกีฬา
ว่า สุดท้ายฟุตบอลมันก็เป็นเพียงแค่กีฬาอย่างหนึ่ง ดูบอลให้เป็นกีฬา ดูบอลให้สนุกสนาน จบแล้วจบกัน ไม่ว่าจะแพ้ เสมอ หรือ
ชนะ อย่างให้ถึงกับต้องมีการทำร้ายกันหรือฆ่ากันให้ตายลงไปข้างเพราะความไม่พอใจ หรือ รับไม่ได้กับผลการแข่งขัน เพราะเรา
คือ คนในครอบครัวปราการเดียวกัน ต้องรับผิดชอบร่วมกันไม่อย่างนั้นทั้ง สมุทรปราการเอฟซี และ กองเชียร์ป้อมปราการ อาจจะ
ต้องทั้งพ่ายด้วยผลแข่งขันในสนาม และ แพ้ในการเชียร์ ตลอดกาลอย่างไม่มีวันที่จะหวนหาทางกลับมายืนและเดินอยู่บนเส้นทาง
ที่ถูกต้องและดีงามอย่างที่พวกเรากองเชียร์ครอบครัวปราการเคยภูมิใจในเส้นทางความเป็นมาของปราการ ด้วยการกลับมาให้ทัน
ให้ถูกที่ ถูกเวลา "พอดีเลย" ในการสู้ต่อนัดต่อไปด้วยตัวของพวกเรา คนในครอบครัวปราการ
สุดท้ายนี้ ด้วยการเป็นหนึ่งในสมาชิกกองเชียร์ป้อมปราการต้องกล่าวคำขออภัยอย่างสูงและแสดงความรับผิดชอบร่วมกันกับทุกคน
ในครอบครัวปราการต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อกองเชียร์พิงค์ เรนเจอร์ และ นกใหญ่พิฆาต ชัยนาท เอฟซี ในการเปิดบ้านรังเหย้า
สมุทรปราการ เอฟซี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 พ.ย. 2553