ด้วยแคมเปญ รณรงค์ COUNTDOWN TO FINALS นับถอยหลังสู่การผจญภัยล่าทุกแชมป์ ไม่ว่าจะเป็น
ไทยพรีเมียร์ ลีก, มูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ, โตโยต้า ลีพ คัพ, และ ศึกชิงแชมป์เอเซีย เอเอฟซี คัพ ของ
กิเลนผยอง เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ประกอบกับการยอมรับของโค้ชใหญ่เรเน่ เดอซาเยียร์ เองว่า เขาประมาท
คู่แข่งขันจากลีกดิวิชั่น 2 ทีมสมุทรปราการ เอฟซี มากไปหน่อยด้วยการจัดส่งนักเตะชุดสำรองผสมดาวรุ่ง
ลงเล่นในเลกแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 ส.ค. 2553 จึงได้ผลการแข่งขันออกมาเพียง ปราการ 1 - 2 กิเลน
ทำให้กุนชือเรเน่ชาวเบลเยี่ยม ต้องมาเหนื่อย ต้องจำใจฝืนทน ต้องทนขยอก "กลืนน้ำลายตัวเอง" ต้องส่ง
นักเตะแกนหลักนักเตะชุดใหญ่อย่างกวิน ธรรมสัจจานันท์, ณัฐพร พันธ์ฤทธิ์, โคเน่ โมฮัมเหม็ด, คริสเตียน
ควาคู, รวมถึง ธีรศิลป์ แดงดา ให้ลงเล่นเลกสองแบบเต็มสูบกับป้อมปราการเพราะไม่อยากให้ต้องมาทำการ
โปรโมทกันใหม่เป็น นับถอยหลังกันอีกครั้งสู่การผจญภัยล่าสามแชมป์ที่เหลือเพราะกิเลนต้องมาพลาดท่าให้
ปราการในศึกโตโยต้าลีก คัพ รอบ 64 ทีม ซะก่อน
กลืนน้ำลายตัวเอง ตามสำนวนไทยหมายถึง พูดกลับกลอกเชื่อถือไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องเสียหายถ้าเป็นเรื่องส่วน
ตัว แต่โค้ชเรเน่พูดไว้ในฐานะตัวแทนทีมกิเลนผยอง ซึ่ง ณ เวลานี้กุนชือใหญ่เรเน่กำลังปรับเปลี่ยนความคิด
ปรับมุมมองของตัวเองใหม่ โดยเฉพาะการคิดประมาทและหลงผิดต่อทีมสมุทรปราการ เอฟซี ว่าเป็นทีมเล็ก
เป็นทีมไม่มีอะไร ส่งชุดสำรองผสมดาวรุ่งลงเล่น คงจัดการได้แบบเบ็ดเสร็จจะได้เล่นสบาย ๆ ในเลกสอง จะ
ได้เล่นง่าย ๆ จัดตัวลงเล่นได้สบาย ๆ ในยามาฮ่า สเตเดี้ยม แต่ตอนนี้ เรเน่คงแย่อยู่ในวังวนความคิดระหว่าง
กล้า และ กลัว
กล้า ที่จะส่งนักเตะชุดสำรองผสมดาวรุ่ง ชุดเดิมที่คุยโวอวดว่าแค่ชุดนี้ก็เอาปราการอยู่หมัด แต่ผลแข่งขันที่
ออกมาแค่ ปราการ 1 - 2 กิเลน ของเลกแรก ทำให้ในขณะนี้แม้แต่เรเน่ที่เป็นโค้ชใหญ่ยังต้องปรับเปลี่ยน
ความคิดด้วยการกลืนน้ำลายตัวเองเลย มีหรือที่เหล่าอุลตร้าเมืองทองจะไม่สยองหากดื้อดึงเอาชุดเล็กลงอีก
กลัว หากเรเน่ไม่กล้าส่งชุดสำรองลงเล่นกับปราการในเลกสองนี้ ก็แสดงว่าเรเน่กลัวสมุทรปราการ เอฟซี
นั้นแข็งแกร่งเกินกว่าจะเสี่ยงส่งชุดสำรองลงเล่นด้วยแล้ว ด้วยบั่นทอนต่อชื่อเสียงการทำทีมกิเลน และ จะ
ทำให้เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ต้องเสียหายอย่างมากมายถ้าต้อง "แพ้" คารังต่อ สมุทรปราการ เอฟซี แค่ทีม
ลีกดิวิชั่น 2 เท่านั้น ไหนจะต้องมาทำการรณรงค์ นับถอยหลังอีกครั้งสู่การผจญภัยล่าสามแชมป์ที่เหลือ จะ
เสียชื่อเสียงกันไปเปล่า ๆ
สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นเรื่องของกิเลน กิเลส กล้า ๆ กลัว ๆ ที่ทางโค้ชเรเน่จะต้องเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตทีม
เมืองทองฯ ของพวกอุลตร้าเมืองทองเองทั้งสิ้น ส่วนทีมปราการ และ กองเชียร์ "สุดยอดป้อมปราการ"
ทุกชีวิตต่างก็มีความคิดเป็นของตนเองเหมือนกัน คือ
กล้า ที่จะเล่นกับทีมอันดับหนึ่ง ไทยพรีเมียร์ ลีก อย่างเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ด้วยการจัดส่งนักเตะแกนหลัก
และ ชุดใหญ่ใส่สูท ลงมาเล่นในยามาฮ่า สเตเดี้ยม ให้ครบทุกตำแหน่งได้ยิ่งดี อยากจะรู้นักว่ากิเลนผยอง
จะยิงประตูปราการได้สักกี่ลูก แต่ อย่าลืมตัวจนโดนยิงไส้แตกเหมือนเลกแรกนะ
กลัว บวก สงสารนักเตะชุดสำรองและดาวรุ่งพุ่งแรงของกิเลนผยอง จะสับสนและงงกับคำพูดของโค้ชเรเน่
ตกลงโค้ชเรเน่จะให้พวกเขาเชื่ออะไรกันแน่ ระหว่างว่าปราการไม่เก่ง ไม่มีอะไร กับ ปราการกล้าแกร่งเกิน
กำลังพวกเขา เพราะถ้าเลกสองไม่ให้ชุดเดิมเมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 ส.ค. 2553 ลงเล่น ก็แสดงว่าโค้ชใหญ่
ของเขาไม่เชื่อมั่นในฝีเท้าและน้ำยาว่าเด็ก ๆ ชุดนี้ ที่คุยว่าเก่งนักเก่งหนานี้จะจัดการป้อมปราการได้ในบ้าน
ตัวเอง อีกสักพักใหญ่ ๆ หากเด็กชุดสำรองมีทีมอื่น ๆ มายื่นข้อเสนอและโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงในทีม คง
ได้ย้ายทีม หรือ ขอทำเรื่องย้ายออกจากรังกิเลนแน่ เพราะเบื่อสนับก้นด้านแล้ว ไปลงเล่นเป็นตัวจริงให้กับ
ทีมอื่นที่เขาให้โอกาสจริงจังและเชื่อมั่นในฝีเท้าเขาแต่ละคนดีกว่าด้วยเบื่อสับสนกับการกลืนน้ำลายตัวเอง
ของโค้ช
กลัว ที่จะไม่ได้ดูบอลสนุก บุกแหลก เอ็นเตอร์เทนกองเชียร์ทั้งสองทีมทั้งอุลตร้าเมืองทองเจ้าถิ่น กับ กอง
เชียร์ป้อมปราการทีมเยือนด้วยนะ เพราะกองเชียร์บางท่านต้องลางานลาพักร้อน เสี่ยงต่อการไม่ได้รับโบนัส
เชียวนะ เล่นกันให้มันสะใจผู้ชมทั้งสนามให้สมกับราคาค่าบัตรเข้าชมด้วยละกัน ถือว่าเป็นการคืนความสุขให้
กับกองเชียร์ที่ดีที่สุด ที่ได้ดูได้ชมของดีมีคุณค่าที่สุดของเหล่านักเตะทั้งของทีมตนเองและทีมคู่แข่งขัน